ผู้หญิงไลฟ์สไตล์

ช่องคลอดแห้ง กินอาหารบำรุง-วิตามิน อะไรดี พร้อมวิธีดูแลช่องคลอด

เกิดปัญหา ช่องคลอดแห้ง ควรรับประทานอาหารบำรุง หรือรับประทานวิตามินอะไรดี พร้อมวิธีการรักษาช่องคลอดแห้งด้วยยา และวิธีดูแลหากช่องคลอดแห้ง

ปัญหาสุขภาพของผู้หญิงที่พบได้เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยหมดประจำเดือนอย่างอาการ ‘ช่องคลอดแห้ง’ ไม่มีน้ำหล่อลื่น ภาวะที่มีสาเหตุมาจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายที่ลดลงตามวัย จนทำให้ร่างกายขาดเมือกหล่อลื่นภายในช่องคลอด เยื่อบุช่องคลอดขาดความชุ่มชื่นจนแห้ง

อาการช่องคลอดแห้งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของคุณผู้หญิง เพราะอาจระคายเคืองในช่องคลอด รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะบ่อย รวมถึงเกิดอาการช่องคลอดอักเสบตามมา คุณผู้หญิงท่านใดที่มีภาวะช่องคลอดแห้ง สามารถรักษาอาการได้โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพช่องคลอด

ทีมงาน Thaiger จึงได้รวบรวมข้อมูลอาหารบำรุง วิตามิน การใช้ยา รวมถึงวิธีการดูแลตัวเอง เพื่อแก้ปัญหาช่องคลอดแห้ง จะมีอาหารการกินอะไร ที่ช่วยปรับสมดุลช่องคลอดได้บ้าง ตามมาดูพร้อม ๆ กันค่ะ

ช่องคลอดแห้ง

อาหารบำรุงช่องคลอดแห้ง

1. อาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง

กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นอาหารบำรุงชั้นดี เพราะมีประโยชน์ด้านการบำรุงช่องคลอดของคุณผู้หญิง มีส่วนช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยลดการเกิดลิ่มเลือด ทำให้เลือดลมไหลเวียนดี อีกทั้งช่วยเสริมความต้องการทางเพศ ทำให้เพิ่มน้ำหล่อลื่นในช่องคลอด บางการศึกษาพบว่า กรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยบรรเทาอาการช่องคลอดแห้งได้ สามารถรับประทานอาหารจำพวกปลาทะเล ปลาแซลมอน ไข่ อะโวคาโด เพื่อเติมโอเมก้า 3 ให้ร่างกาย

2. อาหารที่มีโพรไบโอติกส์

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) เป็นจุลินทรีย์ขนาดเล็กซึ่งจัดเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ชนิดดี ปรับสมดุลของระบบร่างกาย ลดจำนวนจุลินทรีย์ที่ไม่ดี และช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยในการผลิตสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไชด์ และสารแบคทีริโอซิน ที่จะช่วยฆ่าแบคทีเรียชนิดอื่นที่เป็นอันตรายต่อช่องคลอด โดยอาหารที่มีโพรไบโอติกส์สูง เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว นัทโตะ เทมเป้ แอปเปิ้ลไซเดอร์เวนิกา ข้าวหมาก คอมบูชา เป็นต้น

3. ถั่วเหลือง

อาหารบำรุงช่องคลอดชั้นดีอย่าง ถั่วเหลือง มีไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ที่เปรียบเสมือนฮอร์โมนเอสโตรเจนจากพืช อีกหนึ่งวิธีเพิ่มน้ำหล่อลื่นในช่องคลอดแบบธรรมชาติของคุณผู้หญิง เนื่องจากช่วยเติมฮอร์โมนเอสโตรเจน แก้ช่องคลอดแห้ง และหากนำถั่วเหลืองไปทำเป็นนัตโตะ จะได้อาหารบำรุงอย่าง โพรไบโอติกส์ ที่มีประโยชน์ในการปรับสมดุลร่างกาย

4. ผักใบเขียว

ขึ้นชื่อว่าอาหารบำรุงร่างกายคงหนีไม่พ้นพืชสมุนไพรสารพัดประโยชน์อย่าง ผักใบเขียว ไม่ว่าจะเป็นผักกาด คะน้า ผักโขม หรือกวางตุ้ง ล้วนเป็นแหล่งของไนเตรต (Nitrate) การรับประทานอาหารที่มีไนเตรตสูง ช่วยลดความดันโลหิตและป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว อีกทั้งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต รวมถึงการไหลเวียนของเส้นเลือดบริเวณช่องคลอด อุดมไปด้วยไฟเบอร์และแร่ธาตุอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

5. ผลไม้

มีผักแล้วก็ต้องมีผลไม้ อาหารบำรุงสำหรับคุณหญิงที่มีปัญหาช่องคลอดแห้ง โดยเฉพาะผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม สตรอว์เบอร์รี วิตามินซีจะช่วยเรื่องการผลิตคอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื้นให้เซลล์ผิว ช่วยแก้อาการช่องคลอดแห้งได้

ผลไม้ตระกูลเบอร์รีอย่าง แครนเบอร์รี มีส่วนช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในช่องคลอด ช่วยลดเชื้อแบคทีเรียชนิดไม่ดีในช่องคลอดได้ และลดความเสี่ยงการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ นอกจากนี้ ผลไม้ฉ่ำน้ำต่าง ๆ เช่น แตงโม สับปะรด แคนตาลูป ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในร่างกายได้ ถือเป็นอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงช่องคลอด

6. น้ำเปล่า หรือน้ำมะพร้าว

นอกเหนือจากอาหารแล้ว น้ำก็เป็นส่วนประกอบสำคัญ และเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาสมดุลช่องคลอด รวมถึงน้ำมะพร้าวและเนื้อมะพร้าว เนื่องจากมีฮอร์โมนพืชหลายตัวที่คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง จึงช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเพศ อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หากดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ไม่มากไปไม่น้อยไป ช่วยแก้อาการช่องคลอดแห้งได้

ช่องคลอดแห้ง อาหารบำรุง

ช่องคลอดแห้ง กินวิตามินอะไรดี

นอกจากอาหารบำรุง พืชผักสมุนไพร หรือผลไม้ ที่ช่วยแก้อาการช่องคลอดแห้ง การรับประทานวิตามินเสริม เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยคุณผู้หญิงแก้ปัญหานี้ได้ โดยวิตามินที่มีส่วนช่วยเรื่องปัญหาช่องคลอดแห้ง มีดังนี้

1. วิตามินดี

วิตามินดี ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องกระดูกและฟันเท่านั้น แต่การกินวิตามินดีเสริม หรือใช้วิตามินดีชนิดยาเหน็บ ต่างช่วยลดอาการช่องคลอดแห้งได้เหมือนกัน ทั้งยังช่วยผลิตน้ำหล่อลื่นในช่องคลอดของผู้หญิง ช่วยลดปัญหาช่องคลอดแห้งให้กับผู้หญิงได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน จากการศึกษาพบว่า การรับประทานวิตามินดีอย่างเป็นประจำจะช่วยลดภาวะช่องคลอดแห้ง และช่วยบำรุงสุขภาพจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงให้มีสุขภาพที่ดีได้อีกด้วย

การมีวิตามินดีในเลือดอย่างเพียงพอมีส่วนช่วยให้ช่องคลอดชุ่มชื้น มีน้ำหล่อลื่นมากขึ้นได้ แต่ปัจจุบันยังต้องรอการศึกษาอย่างชัดเจนอีกรอบว่า ผู้หญิงควรได้รับวิตามินดีในปริมาณเท่าไร และต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหน จึงจะช่วยแก้อาการช่องคลอดแห้งได้

2. วิตามินอี

วิตามินอี เป็นวิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย ช่วยกระตุ้นการสร้างสารหล่อลื่นภายในช่องคลอด และลดปัญหาช่องคลอดแห้ง แต่การใช้วิตามินอีในปัจจุบันเพื่อแก้อาการช่องคลอดแห้ง ยังต้องศึกษาเพิ่มเติมต่อไปเช่นเดียวกับการใช้วิตามินดี อีกทั้งหากได้รับวิตามินอีที่มากเกินความจำเป็นของร่างกาย อาจได้รับผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ปวดศีรษะได้

3. น้ำมันปลา (Fish oil)

น้ำมันปลา มีกรดไขมันที่สำคัญอย่างโอเมก้า 3 และ โอเมก้า 6 ที่อยู่ในอาหารบำรุง สำหรับแก้อาการช่องคลอดแห้ง มีส่วนช่วยลดการอักเสบในหลอดเลือด ลดการอักเสบในเนื้อเยื่อ และอาจมีส่วนช่วยเพิ่มน้ำหล่อลื่นในช่องคลอดได้ ช่วยลดการอักเสบในเยื่อบุช่องคลอด ทำให้อาการระคายเคืองในช่องคลอดลดลง แก้อาการช่องคลอดแห้ง

4. เบต้าแคโรทีน

เบต้าแคโรทีน เป็นวิตามินที่ดีต่อร่างกาย เพราะสามารถสร้างวิตามินชนิดอื่นในร่างกายได้ โดยเฉพาะวิตามินเอ ที่ช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้นของช่องคลอด ร่างกายเราสามารถรับเบต้าแคโรทีนจากผักชนิดต่าง ๆ เช่น แคร์รอต ผักใบเขียว ฟักทอง เป็นต้น แต่ควรรับประทานอย่างพอดี เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับสารอาหารชนิดนี้มากเกินความจำเป็น จนอาจเกิดผลกระทบหรือเกิดผลข้างเคียงได้

อาการช่องคลอดแห้ง

การรักษาช่องคลอดแห้งด้วยยา

1. การรับประทานยาฮอร์โมนเอสโตรเจน

ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogen) เหมาะสำหรับผู้มีภาวะวัยทอง เช่น ปวดเมื่อยเนื้อตัว ร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน มีผลทางการแพทย์ช่วยลดอาการต่าง ๆ รวมถึงป้องกันการเกิดกระดูกพรุนในระยะยาว แต่มีผลช่วยลดอาการช่องคลอดแห้งไม่เต็มที่นัก ผู้ป่วยร้อยละ 10 – 20 ที่รับประทานยาฮอร์โมนเอสโตรเจน ยังมีอาการช่องคลอดแห้งอยู่ หากต้องการใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากมีข้อห้ามใช้ยาฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้ป่วยบางกลุ่ม

2. การทายาฮอร์โมนเอสโตรเจนในช่องคลอด

จากการศึกษาของสมาคมวัยทองแห่งสหรัฐอเมริกา The North American Menopause Society (NAMS) ปี 2007 พบว่า การทายาฮอร์โมนเอสโตรเจนในช่องคลอด สำหรับเป็นฮอร์โมนทดแทน มีผลดีในการรักษาภาวะช่องคลอดแห้ง ไม่ว่าจะเป็นชนิดเม็ด ครีม วงแหวน หรือสอดช่องคลอด

อย่างไรก็ตาม การใช้ฮอร์โมนทาในช่องคลอด แม้ใช้ในขนาดต่ำ ๆ อาจทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในกระแสเลือดเพิ่มขึ้น คุณผู้หญิงต้องระมัดระวังในการใช้ ทั้งนี้ ทางการแพทย์ยังศึกษาคิดค้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ยาฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงที่ช่องคลอด ไม่ส่งผลต่ออวัยวะอื่น ๆ

3. การใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้น

การใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้น (Moisturizer) คล้ายกับการใช้ทาที่ผิวหนังตามร่างกาย มีคุณสมบัติเคลือบปกป้องผิวช่องคลอดให้ชุ่มชื้น วิธีใช้คือ ใส่ในช่องคลอดทุก ๆ 2 – 3 วัน เพื่อช่วยปกป้องและเคลือบผนังช่องคลอดให้ชุ่มชื้น มีทั้งแบบเป็นน้ำ เจล และเม็ดสอดช่องคลอด สามารถใช้ได้ยาวนาน ไม่ส่งผลต่อร่างกายโดยรวม เนื่องจากไม่มีฮอร์โมน

วิธีดูแลตัวเองหากช่องคลอดแห้ง

วิธีแก้ช่องคลอดแห้ง นอกจากรับประทานอาหารบำรุง รับประทานวิตามิน หรือใช้ยาแล้ว การดูแลสุขภาพให้สดใสแข็งแรง หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3-4 วัน ไม่เครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไป เพราะความเครียด ส่งผลให้อารมณ์ทางเพศลดลง ดังนั้นการทำจิตใจให้แจ่มใส จึงเป็นวิธีการเพิ่มน้ำหล่อลื่นแบบธรรมชาติรูปแบบหนึ่ง

นอกจากนี้ ก่อนมีเพศสัมพันธ์ควรเพิ่มเวลาในการเล้าโลมให้นานขึ้น และอาจเปลี่ยนวิธีการคุมกำเนิด เช่น การสวมห่วงอนามัย ใช้ถุงยางอนามัยที่มีสารหล่อลื่น รวมถึงใช้เจลหล่อลื่น เพื่อช่วยลดการเสียดสีของการสอดใส่ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ และช่วยลดอาการระคายเคืองในช่องคลอด

คุณผู้หญิงท่านใดที่เกิดภาวะช่องคลอดแห้ง สามารถเลือกรับประทานอาหารบำรุง และวิธีการดูแลช่องคลอดแห้งได้ หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีภาวะอื่นแทรกซ้อน เช่น ปัสสาวะแสบ ระคายเคืองมากขึ้น รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์มาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างตรงจุด และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในระยะยาว

แก้อาการช่องคลอดแห้ง

อ้างอิง : โรงพยาบาลพญาไท โรงพยาบาลเวทย์ธานี

Kamonlak

นักเขียนข่าวประจำ Thaiger ผู้มีความสนใจที่หลากหลาย มีประสบการณ์เชี่ยวชาญเขียนข่าวการเงิน เศรษฐกิจ จบการศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ งานอดิเรก ติดตามข่าวสารความบันเทิง โดยเฉพาะภาพยนตร์และแอนิเมชัน เขียนงานโดยมีแนวคิดที่ต้องการถ่ายทอดมุมมองของตัวเองและถ่ายทอดสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ช่องทางติดต่อ kamonlak@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button