ชวนรู้จัก “แพทย์เฉพาะทาง” มีอะไรบ้าง แต่ละสาขารักษาด้านไหน
วงการแพทย์กว้างกว่าที่คิด! ชวนรู้จัก “แพทย์เฉพาะทาง” มีอะไรบ้าง เอาใจคนอยากเรียนต่อ แต่ละสาขารักษาด้านไหน รวมมาให้ที่นี่แล้ว
นักศึกษาจากคณะแพทย์หลังจากเรียนหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตในมหาวิทยาลัยเบื้องต้น 6 ปี จบแล้ว จะได้เป็นหมอรักษาโรคอายุรกรรมทั่วไป โดยต้องไปทำงานใช้ทุนในโรงพยาบาลรัฐบาลราว 3 ปี ถ้าหมอคนนั้นอยากรักษาโรคที่เจาะจงในระดับที่สูงขึ้น จะต้องไปเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางในสาขาที่ตนสนใจ ซึ่งจะใช้เวลาอีกราว 3-5 ปี และในระหว่างนั้นก็ต้องทำวิจัยควบคู่ไปด้วยเช่นกัน
ด้วยกระบวนการเรียนที่ยาวนานและซับซ้อน ทำให้แพทย์เฉพาะทางในแต่ละสาขามีจำนวนจำกัด ทั้งยังเป็นที่ต้องการในหลายพื้นที่ วันนี้ Thaiger เลยจะพาทุกท่านไปดูด้วยกันว่า ในปัจจุบันแพทย์เฉพาะทางมีสาขาไหนเป็นที่นิยมกันบ้าง ถ้าเราป่วยเป็นโรคนั้นๆ จะต้องไปหาหมอด้านไหน
20 แพทย์เฉพาะทาง ทำงานด้านไหนบ้าง?
ปัจจุบันวงการแพทย์ได้มีการแบ่งประเภทแพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกเป็นหลายสาขา ซึ่งจะเรียกว่า แพทย์เฉพาะทาง สาขานั้น ๆ โดยเราได้ลิสต์ 20 สาขาแพทย์เฉพาะทาง ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมาฝากกัน ดังนี้
1. หมอหัวใจ (Cardiologist) : เชี่ยวชาญในการวินิจฉัยและรักษาความผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ความผิดปกติของจังหวะการเต้นของหัวใจ และภาวะหัวใจล้มเหลว ซึ่งจะทำการรักษาด้วยขั้นตอนตามสายเฉพาะทาง เช่น การผ่าตัดขยายหลอดเลือดและการใส่ขดลวด เป็นต้น
2. แพทย์ผิวหนัง (Dermatologist) : มุ่งเน้นการวินิจฉัยและการรักษาความผิดปกติของผิวหนัง ผม และเล็บ จัดการปัญหาต่างๆ เช่น สิว กลาก โรคสะเก็ดเงิน มะเร็งผิวหนัง และความระคายเคืองที่เกี่ยวกับเครื่องสำอาง ตลอดจนสารเคมี
3. นักประสาทวิทยา (Neurologist) : เชี่ยวชาญด้านความผิดปกติของระบบประสาท รวมถึงสมอง ไขสันหลัง และเส้นประสาทส่วนปลาย วินิจฉัยและรักษาอาการต่าง ๆ เช่น โรคลมบ้าหมู โรคหลอดเลือดสมอง โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง และไมเกรน
4. แพทย์ระบบทางเดินอาหาร (Gastroenterologist) : เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร รวมไปถึงกระเพาะอาหาร ลำไส้ ตับ และตับอ่อน ซึ่งอาจมาพร้อมกันโรคยอดนิยม เช่น อาการลำไส้แปรปรวน โรคโครห์น และโรคตับ เป็นต้น
5. จักษุแพทย์ (Ophthalmologist) : เชี่ยวชาญด้านการดูแลสายตาและการมองเห็น วินิจฉัยและรักษาโรคเกี่ยวกับดวงตา ทำการผ่าตัดบริเวณดวงตา เช่น การผ่าตัดต้อกระจก และการผ่าตัดตาด้วยเลเซอร์
6. ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ (Orthopedic Surgeon) : ให้การรักษาในด้านความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อและกระดูก รวมไปถึงทำการผ่าตัดให้กับผู้ป่วย เช่น กระดูกหัก อาการบาดเจ็บที่ข้อ โรคข้ออักเสบ เป็นต้น
7. โสตศอนาสิกแพทย์ /ผู้เชี่ยวชาญด้านหูคอจมูก (Otolaryngologist) : จัดการกับอาการของหู จมูก และลำคอ ซึ่งรวมไปถึงความผิดปกติในการได้ยิน ทั้งยังเป็นแพทย์ที่ทำการผ่าตัดต่อมทอนซิลและการผ่าตัดไซนัสอีกด้วย
8. แพทย์ระบบทางเดินหายใจ (Pulmonologist) : เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจและโรคที่เกี่ยวกับปอด เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) และการติดเชื้อในปอด
9. แพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ (Urologist) : เน้นระบบทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์เพศชาย รักษาอาการต่าง ๆ เช่น นิ่วในไต ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ และปัญหาต่อมลูกหมาก
10. แพทย์ต่อมไร้ท่อ (Endocrinologist) : เชี่ยวชาญด้านความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนและระบบต่อมไร้ท่อ เช่น โรคเบาหวาน ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ และความไม่สมดุลของฮอร์โมน
11. แพทย์โรคข้อ (Rheumatologist) : เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของภูมิต้านทานตนเอง และโรคของข้อต่อ ตลอดจนเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน โดยจะทำการวินิจฉัยและรักษาอาการต่าง ๆ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคลูปัส เป็นต้น
12. แพทย์โรคไต (Nephrologist) : มุ่งเน้นไปที่โรคไตและความผิดปกติของไต เช่น โรคไตเรื้อรัง นิ่วในไต และความดันโลหิตสูง
13. จิตแพทย์ (Psychiatrist) : เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต การวินิจฉัยและการรักษาความเจ็บป่วยทางจิต รวมถึงความผิดปกติทางอารมณ์ โดยจะรักษาด้วยการบำบัดและสั่งจ่ายยา
14. เนื้องอกวิทยา (Oncologist) : มุ่งเน้นการวินิจฉัยและการรักษาโรคมะเร็ง โดยครอบคลุมไปถึงด้านวิทยาทางการแพทย์ เช่น เคมีบำบัด รังสีบำบัด และ การผ่าตัดมะเร็ง
15. กุมารแพทย์ (Pediatrician) : เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาทารก เด็ก และวัยรุ่น ให้บริการตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน และรักษาโรคในวัยเด็ก
16. นรีแพทย์ (Gynecologist) : มุ่งเน้นไปที่สุขภาพการเจริญพันธุ์ของผู้หญิง ทำการตรวจแปปสเมียร์ จัดการการคุมกำเนิด และรักษาอาการต่าง ๆ เช่น ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เป็นต้น
17. สูติแพทย์ (Obstetrician) : เชี่ยวชาญด้านการตั้งครรภ์ การคลอดบุตร และการดูแลหลังคลอดสำหรับสตรีมีครรภ์
ทั้งยังติดตามสุขภาพของสตรีก่อนคลอดและหลังคลอดบุตรด้วย
18. แพทย์ภูมิแพ้/ภูมิคุ้มกันวิทยา (Allergist/Immunologist) : วินิจฉัยและจัดการโรคภูมิแพ้ หอบหืด และความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน จัดให้มีการทดสอบภูมิแพ้และการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน
19. ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ (Allergist/Immunologist) : มุ่งเน้นการวินิจฉัยและการรักษาโรคติดเชื้อ จัดการสภาวะที่เกิดจากแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และปรสิต
20. แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน (Allergist/Immunologist) : เชี่ยวชาญในการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน ทำงานในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล เพื่อรักษาอาการทางการแพทย์เร่งด่วนที่หลากหลาย
เป็นอย่างไรกันบ้างเอ่ยกับ 20 สาขาแพทย์เฉพาะทางที่เรานำมาฝากกัน เรียกได้ว่าเก่งไม่แพ้กันสักสาขา แต่บอกไว้ก่อนนะว่า นี่เป็นเพียงบางส่วนของสาขาแพทย์เฉพาะทางในปัจจุบันเท่านั้น เพราะในโลกนี้มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางสาขาย่อยลงไปอีกเยอะมากเลยทีเดียว.