ใครว่าการร้องไห้คือสัญลักษณ์แห่งความอ่อนแอ ทั้งที่จริงแล้วการร้องไห้หนึ่งครั้ง มีข้อดีกับร่างกายและจิตใจมากกว่าที่คุณคิด แถมยังช่วยให้คุณระบายเรื่องแย่ ๆ เพื่อให้คุณมีความสุขมากขึ้นอีกด้วย
อยู่ดี ๆ ก็อยากร้องไห้ แม้ใครหลายคนจะพยายามบอกให้คุณเข้มแข็ง อย่าร้องไห้เมื่อต้องพบเจอกับสถานการณ์สุดเศร้า แต่บางทีการร้องไห้ไม่ได้แสดงถึงความอ่อนแอเสมอไป เพราะการร้องไห้อาจเกิดได้จากความสุข ความเศร้า หรือแม้แต่ความรู้สึกตลกขบขัน วันนี้ Thaiger จะมานำเสนออีกแง่มุมที่คนคาดไม่ถึงเกี่ยวกับการร้องไห้ที่มีประโยชน์มากมากมาย แม้จะเศร้าแต่เชื่อเถอะว่าน้ำตาของคุณมีค่ามากกว่าที่คุณคิด
ข้อดีของการร้องไห้ เสียน้ำตาครั้งเดียว มีประโยชน์มากกว่าที่คิด
1. ช่วยลดความเครียด
การที่เราได้ร้องไห้เพื่อระบายความรู้สึกที่อยู่ภายในใจออกมา แถมยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลักความตึงเครียดหรือการทำงานของร่างกายบางอย่างไปจุดที่สูงและค่อยปล่อยลงมา หลังจากที่เราหยุดร้องไห้ ร่างกายจะเกิดภาวะสมดุล ช่วยให้เกิดความสงบภายในจิตใจโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว
2. ลดความกังวลที่อยู่ภายในจิตใจ
เมื่อเรากังวลกับปัญหาที่เข้ามา สิ่งแรกที่อยากทำคงหนีไม่พ้นการร้องไห้ ขณะที่เราร้องไห้ร่างกายจะทำให้เราหายใจเร็วและเต็มปอดมากขึ้น จึงช่วยให้จิตใจสงบผ่อนคลายลงได้ เหมือบกับได้บูสต์อารมณ์กลับมาเป็นปกติ ทำให้ความกังวลหายเป็นปลิดทิ้ง แถมบางทีการร้องไห้ก็ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
3. การร้องไห้ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น
เชื่อหรือไม่ว่าการร้องไห้ก่อนนอนจะทำให้หลับสบายขึ้นจริง ๆ เพราะการร้องไห้จะช่วยลดอุณหภูมิในสมองเพราะเราได้หายใจเร็วขึ้นและเต็มปอดขึ้น ทำให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย ราวกับได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่างออกมา เพื่อรับพลังงานบวกในเช้าวันถัดไปหลังจากปลดปล่อยเรื่องแย่ ๆ ในจิตใจออกไป
4. การร้องไห้ช่วยกระชับความสัมพันธ์
หากมีเรื่องที่ทำให้เสียใจ ไม่ว่าจะอกหัก ทะเลาะกับแฟน หรือได้รับความกดดันจากสถานการณ์ต่าง ๆ การร้องไห้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวกลางที่ช่วยในการกระชับความสัมพันธ์ได้ดี เพราะจะทำให้เราได้ระบายความเครียด ความกังวลกับคนที่เข้าใจ ทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
5. ลดความดันโลหิต
เวลาที่เราอยู่ในอารมณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์เศร้า ดีใจ เสียใจ วิตกกังวล ระดับความดันเลือดจะสูงขึ้น แต่การร้องไห้จะช่วยลดระดับความดันโลหิต ช่วยให้หัวใจไม่ต้องทำงานหนักมากจนเกินไป
6. ช่วยให้ดวงตาชุ่มชื้นและไม่เสี่ยงเป็นโรคตาแห้ง
แน่นอนว่าการร้องไห้คือการขับน้ำตาออกมาทำให้เกิดความชุ่มชื้นและมีสุขภาพที่ดี น้ำตาจะคอยป้องกันสิ่งสกปรกหรือควันเข้าตา ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการตาแห้ง ซึ่งโรคตาแห้งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่จะพบบ่อยในผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากเราร้องไห้มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ อาทิ ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ตาบวม และตาอักเสบ ฉะนั้นนอกเหนือจากการร้องไห้แล้ว ควรหาทางระบายอารมณ์และความรู้สึกทางอื่นควบคู่กันไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น การพูดคุยกับเพื่อนหรือครอบครัว การเขียนบันทึกความรู้สึกตนเอง หรือแม้แต่การออกกำลังกาย เพื่อช่วยให้อารมณ์และจิตใจของเราดียิ่งขึ้น
น้ำตาเกิดจากอะไร ถ้าไม่ร้องไห้ เกิดจากอะไรได้บ้าง
น้ำตาสร้างจากต่อมสร้างน้ำตาส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ภายในเปลือกตาเปรียบได้ฝักบัวที่พ่นน้ำออกมาหล่อลื่นไม่ให้เยื่อบุตาแห้ง ลดการเสียดสีขณะกะพริบตา ชำระล้างฝุ่นละอองและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่อาจก่อความระคายเคืองให้กับดวงตา ระบบการสร้างและระบบทางระบายน้ำตาที่ทำงานเป็นปกติย่อมก่อให้เกิดความรู้สึกสบายตา โดยน้ำตามีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท ดังนี้
1. น้ำตาหล่อเลี้ยงลูกตา (basal trears) น้ำตาชนิดนี้จะหลั่งออกมาเมื่อทุกครั้งที่คนเรากระพริบตา เต็มไปด้วยโปรตีนไม่มีแบคทีเรียใด ๆ เจือปน ทำให้ดวงตาชุ่มชื้น
2. น้ำตาที่หลั่งออกมาเมื่อมีสิ่งระคายเคือง (reflex tears) เป็นน้ำตาที่ร่างกายผลิตขึ้นเมื่อมีการระคายเคืองที่เกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ฝุ่นละออง ควัน หรือขนตาที่หลุดเข้าตา ซึ่งน้ำตาเหล่านี้ยังมีแอนติบอดี หรือสารภูมิต้านทานที่ช่วยทำลายเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนในดวงตาด้วย
3. น้ำตาจากอารมณ์ (emotional tears) น้ำตาชนิดนี้เป็นน้ำตาที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์และความเครียด จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณของอารมณ์ของแต่ละบุคคล เป็นประเภทของน้ำตาที่ถูกหยิบยกมาพูดมากที่สุด เวลาที่พูดถึงการร้องไห้
การร้องไห้เป็นเรื่องปกติจริงหรือไม่
แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าการร้องไห้เป็นสิ่งที่อ่อนแอ จึงเลือกที่จะทำตัวเข้มแข็งแม้ว่าข้างในจะแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ไปแล้วก็ตาม แต่การร้องไห้เป็นสัญชาตญาณธรรมชาติของเรา และเป็นสิ่งแรกที่มนุษย์เราทำมาตั้งแต่เกิด เพราะการร้องไห้เป็นอีกหนึ่งวิธีตอบสนองทางอารมณ์ แถมยังเป็นสิ่งที่สามารถบอกความรู้สึกต่าง ๆ ของเราไปยังผู้อื่นได้
ดังนั้น การร้องไห้เป็นเรื่องธรรมชาติ หรือเป็นเรื่องปกติที่เราสามารถร้องไห้ได้ทุกคน เพราะถือเป็นการระบายความรู้สึกที่อยู่ในใจ ขับสารพิษออกจากร่างกาย แถมยังมีประโยชน์ต่อร่างกายและสภาพจิตใจมากกว่าที่ใครหลายคนคิดอีก
ขอบคุณข้อมูลจาก – 1
