พ่อสารภาพ ฆ่าโบกปูนเด็ก 2 ขวบ หลังทุบลูกสาวจนเสียชีวิต
พ่อสารภาพ ฆ่าโบกปูนเด็ก 2 ขวบ หลังทุบตีลูกสาวจนเสียชีวิต ตำรวจเจาะพื้นปูนก่อนเจอร่าง เผยตรวจประวัติไม่มีอาการจิตเวช
จากกรณีที่ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้นำตำรวจเข้าช่วยเหลือเด็กหญิงอายุ 12 และ 4 ปีที่ถูกพ่อทำร้ายร่างกาย และแนวทางการสืบสวนพบว่า ครอบครัวนี้ยังมีลูกวัย 2 ขวบหายตัวไปด้วย
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมพ่อแม่ที่หน้าห้างสรรพสินค้าย่านรังสิต จ.ปทุมธานี ทั้งคู่รับสารภาพว่าร่วมกันทุบตีลูกสาววัย 2 ขวบจนเสียชีวิต จากนั้นได้นำศพใส่รถยนต์เก๋งไปที่บ้านของแม่เด็กที่ จ.กำแพงเพชร แล้วฝังไว้ที่พื้นห้องครัวหลังบ้าน ก่อนโบกปูนซีเมนต์ทับไว้
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่บ้านพักในหมู่บ้านคลองใหม่พัฒนา ต.บ่อถ้ำ อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นจุดที่ก่อเหตุฆาตกรรมลูกสาววัย 2 ขวบและนำศพมาฝังบ้านใน จ.กำแพงเพชร เบื้องต้น ตำรวจนำผู้ต้องหาไปชี้จุดที่นำร่างของเด็กมาฝัง โดยมีเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร เข้าร่วมตรวจสอบ โดยห้ามบุคคลภายนอกเข้าไป โดยจุดที่โบกปูนหนาประมาณ 5 เซนติเมตร ต้องใช้ค้อนทุบปูนและขุดลงไป 60-70 เซนติเมตร ก่อนพบถุงดำบรรจุร่างเด็ก ซึ่งคาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 4 เดือน
พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 กล่าวว่า ช่วงแรกพ่อและแม่ไม่ยอมให้ข้อมูล บอกเพียงว่านำลูกสาววัย 2 ขวบไปฝากไว้กับปู่ของเด็ก จึงนำปู่มาสอบปากคำ แต่ทั้งคู่ให้การไม่ตรงกัน ก่อนที่พ่อของเด็กจะรับสารภาพ ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติไม่พบว่ามีอาการจิตเวช เบื้องต้นมีเพียงสามีและภรรยาที่ร่วมกันก่อเหตุ อย่างไรก็ตามจะสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง
ขณะที่ กัน จอมพลัง โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “หลังพ่อรับสารภาพว่าสังหารน้อง 2 ขวบแล้วโบกปูนไว้ที่กำแพงเพชรโดยแม่เป็นคนซื้อปูนมาให้พร้อมกับช่วยฝัง พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ขึ้นฮอไปตรวจที่เกิดเหตุ ตอนนี้เจ้าหน้าที่เจาะพื้นปูนเจอร่างน้อง 2 ขวบอยู่ในถุงดำห่อ 3 ชั้น โดยน้องเสียชีวิตที่กรุงเทพ และ พ่อนำไปฝังอำพรางที่กำแพงเพชร โดยหลังจากฝังก็ยังอยู่ในบ้าน 3 วัน
ผมจึงปรึกษาท่าน อนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม ได้ความเห็นตรงกันว่าจะคุ้มครองน้อง 12 และ 4 ขวบ ทั้ง 2 คนที่ผมช่วยไว้ที่ พม และ จะไม่ส่งเด็กกลับไปที่ครอบครัวนี้ เพราะกลัวเด็กเป็นอันตราย น้องเองก็ยืนยันว่าจะไม่กลับไป หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะขยายผลหาลูกอีก 3 คน และใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกหรือไม่”