จังหวัดที่ลงท้ายด้วย ‘บุรี’ และ ‘ธานี’ มีอะไรบ้าง ความหมาย ที่มาอย่างไร หาคำตอบได้ที่นี่
จังหวัดในประเทศไทยที่ลงท้ายด้วยคำว่า ‘บุรี’ และ ‘ธานี’ มีกี่จังหวัด อะไรบ้าง มีความหมายและที่มาอย่างไร พร้อมบอกหลักเกณฑ์การตั้งชื่อจังหวัดของประเทศไทย หาคำตอบได้ที่นี่
เคยสงสัยกันไหมว่าประเทศไทยมีด้วยกันทั้งหมด 77 จังหวัด แต่ละจังหวัดมีชื่อที่อ่านยากง่ายไม่เหมือนกัน บางจังหวัดตั้งตามชื่อบุคคลสำคัญไปเลย บางจังหวัดก็ตั้งชื่อโดยมีคำลงท้ายซ้ำกันเยอะมากจนอยากจะรู้ว่ามีที่มาอย่างไรบ้าง
แท้จริงแล้วชื่อจังหวัดในประเทศไทยมีการจำแนกหลักเกณฑ์การตั้งอย่างชัดเจน ไม่ได้ตั้งขึ้นมาด้วยคำวามบังเอิญ หรือหยิบจับอะไรมาเติมหน้าต่อท้ายก็ได้ เหมือนคำลงท้าย ‘บุรี’ และ ‘ธานี’ ที่วันนี้ทีม TheThaiger จะพาไปไขข้อสงสัยว่าทั้งสองคำนี้มีหมายความและที่มาอย่างไร มีจังหวัดไหนบ้างที่ลงท้ายด้วย 2 คำนี้
บุรี และ ธานี แปลว่าเมือง
บุรี เป็นคำมาจากภาษาบาลี แปลว่า “เมือง” คำที่ลงท้ายด้วย บุรี ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคกลางและภาคตะวันออกของไทย ในอดีตเคยเป็นเมืองหน้าด่านหรือเป็นเมืองเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน
ธานี เป็นคำที่มาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า “บ้านเมือง” หรือ “ประเทศ” คำที่ลงท้ายด้วย ธานี ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญทางการเมืองและเศรษฐกิจ
แปลว่าเมืองเหมือนกันทำไมใช้ต่างกัน
คำว่า บุรี และ ธานี ต่างแปลว่า “เมือง” เหมือนกัน แต่คำว่า บุรี มีความหมายเฉพาะเจาะจงมากกว่า หมายถึงเมืองใหญ่หรือเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ในขณะที่คำว่า ธานี มีความหมายกว้างกว่า หมายถึงเมืองหรือประเทศโดยทั่วไป
จังหวัดอะไรบ้างที่ลงท้าย บุรี และ ธานี
จังหวัดที่มีคำว่า “บุรี” ลงท้ายมี 11 จังหวัด แต่ละชื่อมีความหมายที่สื่อถึงลักษณะเด่นของท้องถิ่นนั้น ๆ ได้แก่
-
- กาญจนบุรี หมายถึง เมืองทอง
- สุพรรณบุรี หมายถึง เมืองทองคำ
- ราชบุรี หมายถึง เมืองพระเจ้า
- เพชรบุรี หมายถึง เมืองแห่งเพชร
- สิงห์บุรี หมายถึง เมืองแห่งสิงห์
- ลพบุรี หมายถึง เมืองของพระลพ
- สระบุรี หมายถึง เมืองแห่งสระน้ำ
- นนทบุรี หมายถึง เมืองแห่งความยินดี รื่นเริง
- ปราจีนบุรี หมายถึง เมืองแห่งปราจีน
- ชลบุรี หมายถึง เมืองแห่งน้ำ
- จันทบุรี หมายถึง เมืองแห่งจันทรา
จังหวัดที่มีคำว่า “ธานี” ลงท้ายมี 5 จังหวัด แต่ละชื่อมีความหมายที่สื่อถึงลักษณะเด่นของท้องถิ่นนั้น ๆ ได้แก่
-
- อุทัยธานี หมายถึง เมืองแห่งพระอาทิตย์อุทัย
- อุดรธานี หมายถึง เมืองทางทิศเหนือ
- อุบลราชธานี หมายถึง เมืองดอกบัวของพระราชา
- ปทุมธานี หมายถึง เมืองแห่งปทุม
- สุราษฎร์ธานี หมายถึง เมืองคนดี
บุรี ธานี เป็นการสมาสคำ
ชื่อจังหวัดในประเทศไทยที่ดูมีความซับซ้อนอ่านยากอันเนื่องมาจากการนำรากศัพท์ที่มาจากภาษาไทย ภาษาบาลี (บุรี,ธานี) และภาษาสันสกฤตมาสร้างคำใหม่ด้วยวิธีการสมาสคำจนเกิดเป็นชื่อจังหวัดที่มีความหมายไพเราะงดงาม สะท้อนตัวตน ประเพณี และวัฒนธรรมของจังหวัด จังหวัดที่ตั้งชื่อด้วยการสมาสคำ ได้แก่
-
- ชลบุรี
- ปทุมธานี
- ปราจีนบุรี
- ลพบุรี
- สุพรรณบุรี
- ราชบุรี
- เพชรบุรี
- อุดรธานี
- อุทัยธานี
- สกลนคร
- สมุทรปราการ
- สมุทรสงคราม
- สมุทรสาคร
เกณฑ์การตั้งชื่อจังหวัดในประเทศไทย บุรี และ ธานี
สังเกตว่าชื่อจังหวัดในประเทศไทยมักจะมีเอกลักษณ์และความหมายที่แตกต่างกันไปตามจุดเด่นของจังหวัด แบ่งการตั้งชื่อจังหวัดได้เป็น 4 หลักเกณฑ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และภูมิศาสตร์ของท้องถิ่นนั้น ๆ อย่างชัดเจน
- การตั้งชื่อตามลักษณะภูมิศาสตร์ เน้นลักษณะเด่นของพื้นที่อย่าง ภูเขา แม่น้ำ ทะเล
-
- ภูเก็ต (ภูเขาแก้ว)
- ชลบุรี (เมืองแห่งน้ำ)
- จันทบุรี (เมืองแห่งไม้จันทร์)
2. การตั้งชื่อตามประวัติศาสตร์ เน้นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์
-
- นครศรีธรรมราช (เมืองงามสง่าแห่งราชาผู้ทรงธรรม)
- พิษณุโลก (เมืองแห่งพระวิษณุ)
- พระนครศรีอยุธยา (เมืองหลวงแห่งพระนครศรีอยุธยา)
3. การตั้งชื่อตามลักษณะเศรษฐกิจ เน้นพืชผลหรือทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของพื้นที่
-
- ลำปาง (เมืองแห่งไม้ป้าง)
- แพร่ (เมืองแห่งแร่ธาตุ)
- เพชรบูรณ์ (เมืองที่มีเพชรมาก)
4. การตั้งชื่อตามความเชื่อ เน้นความเชื่อหรือตำนานท้องถิ่น
-
- เชียงใหม่ (เมืองของพญาเม็งราย)
- สุโขทัย (เมืองแห่งพระเจ้าสุโขทัย)
- อุดรธานี (เมืองทางทิศเหนือ)
สรุปว่าการการลงท้ายชื่อจังหวัดด้วยคำว่า บุรี และ ธานี เพื่อสื่อถึงความเป็นเมืองหรืออาณาเขตประเทศในสมัยก่อน มีจังหวัดที่ลงท้ายด้วย บุรี 11 จังหวัดและ ธานี 5 จังหวัด สร้างคำโดยการนำคำมาสมาสกันเพื่อให้เกิดคำใหม่ที่ไพเราะและบ่งบอกจุดเด่นของจังหวัดตามหลักเกณฑ์การตั้งชื่อจังหวัดในประเทศไทย