เงื่อนไขเงินดิจิทัล 10000 บาท รัศมี 4 กิโลเมตร จ่อทำประชาชนไทยมากกว่า 2 ล้านคนที่เป็นประชากรแฝง โดนตัดสิทธิเงินดิจิทัล 10,000 บาท เนื่องจากติดปัญหากลับไปใช้เงินตามที่อยู่ทะเบียนบ้าน
วันนี้ 12 กันยายน 2566 คณะรัฐมนตรีรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน กำลังแถลงนโยบายต่อรัฐบาลเป็นวันที่ 2 หนึ่งในนโยบายเด่นเร่งด่วน ตัวชูโรงของพรรคเพื่อไทยคือ “เงินดิจิทัล 10,000 บาท” ที่เตรียมจะแจกให้คนไทยภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ไม่ต้องลงทะเบียน ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมาเป็นตัวกลางใช้จ่ายเงิน E-wallet แทนแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง
จุดประสงค์ของนโยบายนี้เพื่อหวังฉีดเม็ดเงินครั้งมโหฬารกว่า 5.6 แสนล้านบาทกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับฐานรากฝอย กระจายทุกพื้นที่ หลังจากที่สภาพสังคมเศรษฐกิจไทยซบเซายาวนานกว่า 9 ปี ตัวโครงการจึงกำหนดเงื่อนไขให้ประชาชนใช้เงินซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค ได้ในระยะรัศมี 4 กิโลเมตร จากที่อยู่อาศัยตามภูมิลำเนาทะเบียนบ้าน เงิน 10,000 บาทนี้ต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน มิเช่นนั้นเงินที่เหลือจะถูกตัดสิทธิ
ปัญหาจึงอยู่ที่สถานที่ ไม่ใช่เวลา เพราะเชื่อว่าประชาชนมีภาระค่าใช้จ่ายมากพอถึงจำนวนเงินที่ต้องใช้ภายใน 6 เดือนแน่นอน
เงินดิจิทัล 10000 บาท กำหนดระยะรัศมี 4 กิโลเมตร เงื่อนไขสำคัญทำให้ประชากรแฝง อาจโดนตัดสิทธิ
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีกระแสเรียกร้องจากประชาชนหลายฝ่ายให้ปรับความยืดหยุ่นเรื่องรัศมีการใช้งาน 4 กิโลเมตร เนื่องจากบางพื้นที่เป็นถิ่นชนบท หลายแหล่งไม่มีร้านค้ารองรับเพียงพอกับระยะทางดังกล่าว
เรื่องนี้นายเศรษฐา ทวีสิน ได้ตอบคำถามล่าสุดระหว่างการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่า กรณีที่คนอยากให้ยกเลิกการใช้รัศมีระยะ 4 กม. ยังไม่มีความคิดนี้ แต่รัฐบาลจะนำบางพื้นที่ไปปรับตามความเหมาะสม อยากให้ประชาชนกลับถิ่นฐานไปใช้ตามบัตรประชาชน
ประเด็นการให้ประชาชนกลับไปใช้เงินภายใน 6 เดือนตามที่อยู่บัตรประชาชนนี่แหละจะเป็นปัญหาต่อประชากรแฝง ส่งผลให้พวกเขาเหล่านี้ถูกตัดสิทธิ์ อดรับเงิน 1 หมื่นบาท เพราะบางคนไม่สามารถกลับภูมิลำเนาได้ตามใจนึก
ประชากรแฝง กลุ่มคนที่รัฐบาลห้ามลืมมองข้าม
อ้างอิงจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ประชากรแฝง หมายถึง ประชากรที่เข้ามาอยู่อาศัย มาเรียน มาทำงานในจังหวัดนั้นๆ โดยไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้าน ประกอบด้วย 2 ลักษณะคือ
- ประชากรแฝงกลางวัน (Commuter Population) หมายถึง ผู้ที่เดินทางมาทำงานหรือเรียนหนังสือในจังหวัดที่ตนเองไม่ได้อาศัยอยู่ โดยอาจจะเดินทางมาเช้าไปเย็นกลับ หรือพักค้างคืนในจังหวัดนั้นๆ
- ประชากรแฝงกลางคืน (Non-registered Population) หมายถึง ผู้ที่อาศัยอยู่ประจำในจังหวัดหนึ่ง โดยไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่อาศัยอยู่นั้น แต่อาจจะมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านจังหวัดอื่น ในต่างประเทศ หรือไม่มีชื่อที่ใดเลย
ประชากรแฝงมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย โดยประชากรแฝงกลางวันมีส่วนช่วยเพิ่มกำลังแรงงานในจังหวัดที่เข้ามาทำงานหรือเรียนหนังสือ ในขณะที่ประชากรแฝงกลางคืนมีส่วนช่วยเพิ่มจำนวนประชากรในจังหวัดนั้นๆ ส่งผลให้จังหวัดมีกำลังซื้อและรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระจายความเจริญสู่พื้นที่ต่างๆ ของประเทศ
ตัวอย่างของประชากรแฝงในประเทศไทย ได้แก่ แรงงานที่เดินทางจากต่างจังหวัดเข้ามาทำงานในกรุงเทพมหานคร นักเรียนนักศึกษาที่เดินทางจากต่างจังหวัดเข้ามาเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศไทย และผู้เกษียณอายุที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่อาศัยในจังหวัดอื่น
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ประชากรแฝงในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2565 ประชากรแฝงทั้งประเทศมีจำนวน 9.15 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 14 ของประชากรทั้งหมดในประเทศ โดยประชากรแฝงกลางวันมีจำนวน คิดเป็น 90% ของประชากรแฝงทั้งหมด
เฉพาะในกรุงเทพมหานคร มีประชากรแฝงสูงถึง 2.7 ล้านคน
จากการลงข้อมูลสำรวจลึกลงไปพบว่า ประชากรแฝงส่วนใหญ่ย้ายถิ่นฐานบ้านเกิดข้ามมาหลายร้อยกิโลเมตร ไม่ใช่ลักษณะของการข้ามรอยต่อจังหวัด ส่วนใหญ่ทำอาชีพรับจ้างรายวัน หรือแรงงานในระดับปฏิบัติการ ติดเงื่อนไขเรื่องเวลาของการลางานหรือไม่สามารถหยุดงานได้
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่จะกลับไปใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาทที่รัฐบาลจะแจก 1 กุมภาพันธ์ 2567 โอกาสที่เป็นไปได้มากที่สุดคือกลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์
เงื่อนไขเงินดิจิทัล 10000 บาท ที่ทำให้ประชากรแฝงเสี่ยงโดนตัดสิทธิ
อ้างอิงจากข้อมูลล่าสุดที่ทางรัฐบาลเพื่อไทยปล่อยออกมา ประชาชนไทยที่มีสิทธิจะได้ใช้เงิน E-wallet นี้ ต้องเข้าเกณฑ์ดังนี้
- ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป ได้รับโดยไม่ต้องลงทะเบียน
- ใช้งานภายใน 6 เดือน หลังจากได้รับเงิน
- ซื้ออุปโภค บริโภคได้ สินค้าอบายมุขซื้อไม่ได้ ซื้อของออนไลน์ไม่ได้ ใช้หนี้พนันไม่ได้
- สินค้าข้างบนต้องใช้จ่ายกับร้านค้าชุมชนใกล้บ้าน 4 กม. จากที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
- ไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ ไม่สามารถโอนเงินให้แก่กัน
- ถ้าไม่มีมือถือให้ใช้จ่ายผ่านเลขบัตรประจำตัวประชาชน
เงื่อไขเหล่านี้เองจะเป็นตัวบีบให้ประชาชนหลายคนติดปัญหาไม่สามารถกลับภูมิลำเนาไปใช้จ่ายได้ทันตามกรอบเวลา เพราะมีเรื่องระยะทาง กับการใช้จ่ายสดๆ มาเป็นตัวบังคับ
ดังนั้นจึงเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลว่าจะทำตามเงื่อนไขเดิม และเสี่ยงให้ประชากรแฝงคือกลุ่มคนที่โดนตัดสิทธิเงินดิจิทัล 10,000 บาท หรือจะปรับยืดหยุ่นเพื่อให้เม็ดเงินกระจายออกไปมากที่สุด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง