กาง 5 นโยบายเด่น เพื่อไทย หลังได้นายกฯ คนใหม่ คนไทยจะได้อะไรบ้าง
กาง ‘5 นโยบายเด่น พรรคเพื่อไทย’ หลังประเทศไทยได้ยลโฉมหน้านายกรัฐมนตรีคนใหม่ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตจากพรรค จะมีนโยบายใดที่โดดเด่น เน้นช่วยเหลือประชาชนได้บ้าง
นับตั้งแต่วันที่ประชาชนคนไทยออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศมานานร่วมเดือน วันอังคารที่ 22 สิงหาคม 2566 ก็ถึงเวลาแล้วที่เราชาวไทยจะได้ทราบผลการเลือกตั้ง และได้เห็นโฉมหน้านายกรัฐมนตรีของไทยคนใหม่เสียที ซึ่งก็คือ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แล้วแบบนี้จะมี นโยบาย อะไรที่ช่วยคนไทยได้บ้าง
อย่างที่ทราบกันดีว่า แม้พรรคก้าวไกลจะชนะผลการเลือกตั้งและเป็นพรรคอันดับ 1 จากนโยบายที่ทันสมัย และตอบโจทย์กับการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย แต่พรรคอันดับ 2 ที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างพรรคเพื่อไทย ก็มี นโยบายที่โดดเด่น ไม่แพ้กัน อาจกล่าวได้ว่า ถ้าไม่ติดปัญหาใด ๆ การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยก็มีนโยบายที่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปในทางที่ดีขึ้นได้เช่นกัน
กาง 5 นโยบาย เพื่อไทย สร้างอะไรให้สังคมไทยบ้าง
วันนี้ทีมงาน Thaiger จะพาทุกท่านมากางนโยบาย ดูกันให้ชัดว่า รัฐบาลชุดใหม่โดยมีผู้นำคือนายเศรษฐา จะมีนโยบายเด่น ๆ อะไรบ้างที่ตอบโจทย์คนไทย และทำให้ประชาชนสามารถพึ่งพารัฐบาลนี้ได้จนกว่าจะครบวาระ 4 ปี วันนี้ขอเสนอ 5 นโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่น่าสนใจและเป็นที่พูดถึงสุด ๆ ในสังคม จะมีนโยบายใดบ้างไปดูกันเลยค่ะ
1. นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) 10,000 บาท
เริ่มด้วยนโยบายที่กระแสสังคมค่อนข้างแรงสุด ๆ กับการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต จำนวน 10,000 บาท ซึ่งจะดำเนินการทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนโยบายนี้ทางพรรคเพื่อไทยได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับสิทธิไว้ หมายความว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้ เนื่องจากต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไปเท่านั้นค่ะ
นอกจากนี้ ยังไม่รวมถึงเงื่อนไขที่ใช้ เช่น ต้องใช้ในรัศมี 4 กิโลเมตร แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามภูมิประเทศ หรือหากไม่มีโทรศัพท์ก็สามารถใช้บัตรประชาชนและรหัสส่วนตัวได้เช่นกัน ทั้งนี้นโยบายดังกล่าว สร้างโดยพรรคเพื่อไทย โดยการใช้ Blockchain เอื้อต่อการชำระเงินรูปแบบใหม่ ถือว่าเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่สำหรับคนไทยส่วนใหญ่เลยทีเดียว
2. นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570 และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ขึ้นไป
คุณแพทองธารเคยกล่าวไว้ว่า “ภายในปี 2570 ภายใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย หากบริหารประเทศนาน 4 ปี ที่ผ่านมา ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับประชาชน คนไทยจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง” ซึ่งนำมาสู่นโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ จากเดิมที่อัตราค่าแรงขั้นต่ำใน กทม. ปี 2566 อยู่ที่ 345 บาทเท่านั้น ปรับเพิ่มเป็น 600 บาท ภายในปี 2570 ถือว่ากระโดดขึ้นมาเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
จุดที่น่าสนใจของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจคือ นอกจากเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำแล้ว ยังมีการปรับเพิ่มเงินเดือน สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี โดยเงินเดือนของวุฒิปริญญาตรีในรัฐบาลเพื่อไทยจะเพิ่มเป็น 25,000 บาทขึ้นไป บอกเลยว่าถ้าเป็นจริง นโยบายนี้จะเวิร์กสุด ๆ สำหรับเด็กจบใหม่
3. นโยบายรถไฟฟ้า กรุงเทพฯ ราคาเดียว 20 บาท ตลอดสาย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าชีวิตของคนทำงานในกรุงเทพมหานครตอนนี้เข้าขั้นวิกฤต เพราะระบบขนส่งสาธารณะในประเทศไทยไม่ได้มีการจัดการได้ดีเท่าที่ควร แม้กระทั่งรถไฟฟ้า (BTS) แม้ว่าจะค่อนข้างสะดวกกว่าขนส่งมวลชนอื่น ๆ แต่ราคาก็แพงกว่าเป็นเท่าตัว ผู้ใช้บริการต้องเสียเงินเกือบร้อยบาท ในการเดินทางแต่ละวัน และนี่คือเหตุผลที่เกิดนโยบายรถไฟฟ้า กทม. 20 บาทตลอดสาย โดยมีแนวทางแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำคนเมือง เนื่องจากในแต่ละวันของการทำงานมีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก นโยบายนี้จึงช่วยลดภาระให้คน กทม. เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ประชาชนชาวต่างจังหวัดอาจจะรู้สึกถึงความเหลื่อมล้ำกับนโยบายนี้แทน
4. นโยบายวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรี
นโยบายด้านสาธารณสุขของพรรคเพื่อไทย บอกเลยว่าไม่อายใคร เพราะมีนโยบายวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรี ซึ่งเป็นนโยบายที่สานต่อกองทุนบทบาทสตรี และมีจุดประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน เนื่องจากวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกค่อนข้างแพง ซึ่งสูงถึงหลักหมื่นบาท อีกทั้งมะเร็งปากมดลูก ยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้หญิงไทยเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม ด้วยเหตุนี้ ทางพรรคเพื่อไทยจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญของสุขภาวะในเพศหญิง และมุ่งหวังที่จะลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก โดยการผลักดันนโยบายวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรี
5. นโยบายเกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ
นโยบายสุดท้ายที่จะพูดถึงกันในวันนี้คือ นโยบายเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหาร โดยนโยบายดังกล่าวของพรรคเพื่อไทยจะมีความคล้ายคลึงกับพรรคก้าวไกล ซึ่งแตกต่างกันตรงที่พรรคก้าวไกลจะเป็นการยกเลิกเกณฑ์ทหาร โดยเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ 100% อีกทั้งยังมีนโยบายปฏิรูปกองทัพ และเปลี่ยนงบกองทัพเป็นสวัสดิการประชาชน ในทางกลับกัน นโยบายดังกล่าวของพรรคเพื่อไทย จะเปลี่ยนเป็นระบบเกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ รวมถึงเปิดรับสมัครทหารอาชีพ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของงบประมาณ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายลดงบกลาโหมเพื่อนำไปสนับสนุนคนรุ่นใหม่ เพียง 10% เท่านั้น
จากนโยบายของพรรคเพื่อไทยทั้งหมดที่กล่าวมาในข้างต้น เป็นเพียงนโยบายส่วนหนึ่งที่โดดเด่น และผู้คนในสังคมไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่ทางพรรคประกาศนโยบายออกมา วันอังคารที่ 22 สิงหาคม 2566 ประเทศไทยก็มีนายกรัฐมนตรีชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน จากสังกัดพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน แต่ตอนนี้ทุกคนคาดหวังที่จะได้คณะรัฐบาลที่ดี มีนโยบายเด่น เน้นช่วยเหลือประชาชนและนำพาประเทศไปสู่ความเจริญแบบแท้จริงเสียทีค่ะ