ย้อนเหตุการณ์ลี้ภัย ‘ยิ่งลักษณ์’ จากวิกฤตการเมือง ถูกรัฐประหารจนไปถึงวันหลบหนี
เปิดเส้นทางการลี้ภัยของอดีตนายกรัฐมนตรี ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ พร้อมย้อนรอยปมขัดแย้ง อันนำไปสู่การเกิดรัฐประหารครั้งที่ 13 ในประวัติศาสตร์ไทย จนทำให้ต้องลี้ภัยทางการเมืองไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน ณ เมืองดูไบ
นับเป็นเวลาอันยาวนานถึง 6 ปี ตั้งแต่เหตุการณ์การลี้ภัยทางการเมืองของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ หลังจากการเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองครั้งยิ่งใหญ่ในช่วงเดือนตุลาคม 2556 จากความไม่พอใจของประชาชนในร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ รวมถึงโครงการจำนำข้าว จนทำให้ต้องประกาศยุบสภาและถูกยึดอำนาจ โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ภายหลังจากเหตุการณ์ในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ที่อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ไม่ปรากฏตัวตามวันนัดฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีการทุจริตในโครงการจำนำข้าว ต่อมาจึงได้พบว่าอดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้ได้ลี้ภัยข้ามพรมแดนออกนอกประเทศไป โดยเส้นทางธรรมชาติ
จุดเริ่มต้นของการหลบหนีในครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ในเช้าวันที่ 23 สิงหาคม 2560 ซึ่งวันนี้ทาง The Thaiger จะพาทุกคนไปย้อนไทม์ไลน์ดูความเคลื่อนไหวก่อนลี้ภัย รวมถึงเส้นทางการลี้ภัยหนีจากบ้านเกิดไปต่างแดนของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิง
ย้อนไทมไลน์ความเคลื่อนไหวก่อนลี้ภัย
- วันพุธที่ 23 สิงหาคม 2560
ก่อนวัดนัดฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพียงสองวัน ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ได้โพสต์ภาพผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ใช้ชื่อว่า Yingluck Shinawatra ซึ่งเป็นภาพบรรยากาศการทำบุญใส่บาตรในช่วงเช้า ก่อนจะเดินทางไปไหว้พระ ทำบุญ ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
- วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม 2560
หนึ่งวันก่อนวันนัดฟังคำพิพากษา ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Yingluck Shinawatra ซึ่งได้แสดงความห่วงใยถึงประชาชน โดยในข้อความได้ระบุไว้ว่า
“ดิฉันขออนุญาตกล่าวถึงวันฟังคำพิพากษาคดีของดิฉันที่ศาลฎีกาฯ ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ดิฉันทราบถึงความห่วงใย และความเมตตา ของพี่น้องประชาชนที่รับรู้ถึงความทุกข์ร้อน และความยากลำบากที่ดิฉันประสบอยู่ แต่ดิฉันเห็นว่าการเดินทางมาศาลเพื่อให้กำลังใจดิฉันนั้น ครั้งนี้เราจะไม่ได้พบปะ เห็นหน้า หรือสื่อความรู้สึกถึงกันได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
ด้วยเหตุที่ฝ่ายความมั่นคงได้จัดระเบียบของผู้ที่จะเดินทางมาศาลผิดไปจากทุกครั้ง ทั้งที่เจตนาของพวกเราทุกคนเพียงต้องการมาให้กำลังใจซึ่งกันเท่านั้น ทั้งนี้ ดิฉันมีความห่วงใยต่อทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องประชาชน หรือแฟนเพจ และไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายอันอาจเกิดจากมือที่สาม ดังเช่นที่ฝ่ายความมั่นคงให้เหตุผลมาโดยตลอด
ดิฉันจึงขอให้ทุกท่านที่ห่วงใย และต้องการให้กำลังใจดิฉัน ไม่ต้องเดินทางมาศาลฯในวันพรุ่งนี้ และขอให้ทุกท่านให้กำลังใจดิฉันโดยการรับฟังข่าวสารอยู่ที่บ้าน เพื่อความไม่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาอันไม่คาดคิดจากผู้ที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง และต่อพวกเราทุกคน ขอขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ”
- วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2560
วันนัดฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีการทุจริตโครงการจำนำข้าว ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ได้เริ่มต้นการลี้ภัยตั้งแต่ในช่วงเช้าของวันดังกล่าว
เวลา 06.00 น. รถตู้โฟล์ค ทะเบียน ฮน 999 เคลื่อนตัวออกจากบ้านพัก
เวลา 06.30 น. ประตูรั้วบ้านเปิดอีกครั้ง แต่ไม่มีรถหรือบุคคลใดเดินออกมา
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึง 11.00 น. คนใกล้ชิดอ้างว่า ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ มีอาการป่วยด้วยโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ประกอบกับมีอาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรงอีกด้วย ส่งผลให้ไม่สามารถเดินทางมายังศาลฎีกาฯ ได้ จึงขออนุญาตเลื่อนการฟังคำพิพากษาในวันนี้ออกไปก่อน แต่ทางศาลไม่อนุญาต จึงเป็นเหตุให้ต้องออกหมายจับ พร้อมทั้งปรับนายประกันเต็มจำนวน
เส้นทางหลบหนีของ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ จากสระแก้วสู่ ‘ดูไบ’
- การเดินทางหลบหนีกรุงเทพฯ-สระแก้ว
‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ในช่วงเช้าของวันที่ 23 สิงหาคม 2560 ในระหว่างการเดินทางหลบหนีจนกระทั่งไปถึงด่านชายแดนด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อดีตนายกรัฐมนตรีได้เปลี่ยนรถถึง 3 ครั้ง
หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปไหว้พระ ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร กลับมีกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ว่า เธอได้เดินทางไปที่โรงแรมเอสซีปาร์ค เพื่อพบปะกับคนใกล้ชิดอีก 14 คน ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านในย่านซอยโยธินพัฒนาที่ 3 โดยยังคงใช้รถตู้โฟล์ค แต่เมื่อออกจากบ้านอีกครั้งเธอกลับเปลี่ยนรถ
ซึ่งเมื่อตำรวจได้ตรวจสอบรถที่ผ่านเข้าออกบริเวณบ้านของ อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในระยะเวลาช่วงค่ำวันที่ 23 สิงหาคม กลับพบว่า มีรถต้องสงสัยจำนวนทั้งสิ้น 30 คัน โดยที่หนึ่งในนั้นเป็นรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ของพินทองทา ชินวัตร ผู้เป็นหลานสาว หรือลูกสาวของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร
แต่สุดท้ายตำรวจก็คาดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ น่าจะเลือกใช้รถเบนซ์ในการเดินทางออกจากบ้าน โดยได้เดินทางพร้อมกับเลขาฯ ส่วนตัว อีกทั้งมีรายงานว่า อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์สวมหมวกและหน้ากากอนามัย เพื่อปิดบังใบหน้า
รายงานจากการสอบสวนได้ระบุว่า รถเบนซ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้นได้เดินทางมุ่งหน้าไปยังบ้านพักของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ เพื่อไปขึ้นรถโตโยต้า แคมรี่ ซึ่งมี พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ เป็นคนขับ จากนั้นจึงมุ่งหน้าต่อไปที่ชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งถือเป็นจุดหมายแรกในการหลบหนี
เหตุการณ์ดังกล่าวถูกจับภาพไว้ได้ โดยด่านความมั่นคง อีกทั้งยังได้ระบุว่า ในช่วงระยะเวลาก่อนข้ามพรมแดน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สับเปลี่ยนจากรถโตโยต้า แคมรี่เป็นรถกระบะปริศนาอีกคันแทน ทางด้าน พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผู้มีส่วนในการช่วยหลบหนีครั้งนี้ หลังจากที่อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ข้ามพiมแดนไป เขาจึงได้ขับรถโตโยต้า แคมรี่กลับมากรุงเทพฯ และให้ ด.ต.พรพิพัฒน์ นำรถคันดังกล่าวไปซ่อนใน จ.นครปฐม
ในระหว่างการหลบหนีข้ามพรมแดน โดยใช้ช่องทางธรรมชาติ อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ที่ประจำอยู่ ณ บริเวณชายแดนดังกล่าว ในการเปิดช่องทางพิเศษให้สามารถข้ามผ่านชายแดนได้อย่างสะดวกสบายและไม่ต้องตรวจสอบ แต่ในส่วนของรายละเอียด รวมถึงวิธีในการเดินทางข้ามพรมแดน ขณะนี้ทางตำรวจก็ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่า แท้จริงแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ข้ามพรมแดนด้วยการเดินเท้าหรือโดยสารรถยนต์ข้ามไป
- การเดินทางหลบหนี กัมพูชา-ดูไบ
หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถข้ามพรมแดนไปยังบริเวณเมืองปอยเปต บริเวณชายแดนด่านบ้านคลองลึก จวบจนไปถึงกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาได้แล้วนั้น ก็มีบุคคลอ้างว่า ณ ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยผู้คนระดับสูงให้การต้อนรับ อดีตนายกฯ ท่านนี้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งมีทั้งบุคคลจากประเทศไทย รวมถึงบุคคลในประเทศกัมพูชาด้วย
จากนั้นเธอได้โดยสารเครื่องบินต่อไปยังประเทศสิงคโปร์ และเดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวไปยังจุดหมายปลายทาง อย่าง ‘ดูไบ’ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีพี่ชายของเธอ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ รอคอยอยู่
สุดท้ายนี้แหล่งข่าวระดับสูงฝ่ายความมั่นคงได้คาดการณ์ถึงสาเหตุของการลี้ภัยในครั้งนี้ไว้ว่า อาจเป็นเพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กังวลถึงคำตัดสินของคดีการทุจริตโครงการจำนำข้าวในครั้งนี้ของศาลฎีกาฯ ที่อาจจะไม่มีการให้อุทธรณ์หรือในระหว่างอุทธรณ์ อาจจะไม่ได้รับการประกันตัวนั่นเอง
ในวันนี้เวลา 9.00 น. (22 สิงหาคม 2566) อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเขาก็เป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองเช่นเดียวกับเธอ ได้ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยอย่างถาวร หลังจากหลบหนีไปอยู่ต่างแดนนานถึง 17 ปี และเหตุการณ์การกลับมาประเทศไทยในครั้งนี้ของเขาจะส่งผลต่อการตัดสินใจของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่อย่างไร คงต้องติดตามกันต่อไป
- ‘ยิ่งลักษณ์’ กอด ‘ทักษิณ’ ส่งพี่ชายก่อนกลับไทย อวยพรขอให้พี่ชายที่แสนดีปลอดภัย
- ผบ.ตร. ตอบเอง ‘ทักษิณ’ กลับไทยพรุ่งนี้ 22 ส.ค. ไร้ชื่อ ‘ยิ่งลักษณ์’