ประวัติ ‘เทพสี่หูห้าตา’ เทพแห่งโชคลาภ พร้อมวิธีบูชาและที่กราบไหว้ สำหรับสายมู
ประวัติ ‘เทพสี่หูห้าตา’ เทพผู้ประทานโชคลาภ และความร่ำรวยให้แก่ผู้บูชา พร้อมวิธีไหว้ขอพร บทสวดบูชา และการแก้บน สามารถเดินทางไปกราบไหว้บูชาได้ถึง 3 ที่
ช่วงนี้สายมูกำลังมาแรง เพราะชีวิตประจำวันที่เคร่งเครียด ทำให้ผู้คนต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น ทั้งที่พึ่งทางใจ และที่พึ่งทางทรัพย์ อย่างล่าสุด เทพสี่หูห้าตา ก็เป็นเทพอีกองค์หนึ่งที่กำลังเป็นที่พึ่งทางใจของเหล่าสายมู ทั้งยังมีรูปปั้นที่ใหญ่กว่า 24 เมตร ให้ผู้คนได้ไปกราบไหว้กันอีกด้วย แล้ว เทพสี่หูห้าตา คือใคร มีความเป็นมา และมีประวัติอย่างไรบ้างล่ะ
ก่อนที่จะเปิดประวัติและตำนานของเทพสี่หูห้าตา ขอเล่าก่อนว่าผู้คนมักกราบไหว้บูชาเทพสี่หูห้าตา เพื่อขอพรเรื่องเงิน เรื่องโชคลาภเป็นหลัก ซึ่งประวัติก็จะแตกต่างจาก แมงสี่หูห้าตา ที่บางท่านอาจจะเคยได้ยินมาก่อน วันนี้ทีมงาน Thaiger ขอเจาะลึกประวัติ เทพสี่หูห้าตา พร้อมกับสถานที่ไหว้ และวีธีขอพรเพื่อความร่ำรวยในทรัพย์ ถ้าพร้อมแล้วไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ประวัติ ‘เทพสี่หูห้าตา’ พระอินทร์แปลงกาย ให้โชคลาภ
โดยประวัติ เทพสี่หูห้าตา ที่จะนำมาบอกเล่ากันในวันนี้ ได้ข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต โดยเป็นตำนานที่ครูบาชัยยะวงศา แห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ได้เล่าเกี่ยวกับความเป็นมาของเทพองค์ดังกล่าวไว้ว่า เทพสี่หูห้าตา คือร่างที่พระอินทร์ หรือ องค์อัมรินทร์ ผู้ทรงฤทธิ์ ที่มีอำนาจกายสิทธิ์ จำแลงลงมายังโลกมนุษย์
โดยเหตุที่องค์อัมรินทร์จำแลงแปลงกายมาเป็นสัตว์ประหลาดที่มีกายสีเขียว เป็นเพราะต้องการทดสอบใจชายชาวนายากจนผู้หนึ่ง ซึ่งทดสอบด้วยการเหยียบย่ำแปลงปลูกข้าวของชาวนาจนได้รับความเสียหาย เพราะต้องการลองใจว่า ชาวนาจะมีคุณธรรมในเรื่องความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา หรือไม่
การที่แปลงนาข้าวเสียหาย ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก และอาจพลั้งมือทำร้ายพระอินทร์ที่แปลงกายเป็นสัตว์ประหลาดสี่หูห้าตา อย่างไรก็ตาม แม้พระอินทร์แปลงกายจะถูกชาวนาบางคนเข้าทำร้าย แต่ก็ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ จนกระทั่งมีชาวนาคนหนึ่งให้ความช่วยเหลือ นำพระอินทร์แปลงกายไปเลี้ยงดู หาอาหารมาป้อนให้ แต่ถึงกระนั้นพระอินทร์แปลงกายก็ไม่ยอมกินอาหาร
จนกระทั่งตกเวลากลางคืนที่อากาศหนาวเย็น ชาวนาใจดีคนนั้นก็ได้นำฟืนมาก่อกองไฟ เพื่อไล่ความหนาวเหน็บให้กับพระอินทร์แปลงกาย แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพราะพระอินทร์แปลงกายได้หยิบท่อนฟืนที่ไฟลุกแดงเข้าใส่ปากกินเป็นอาหาร หลังจากนั้นก็ถ่ายออกมาเป็นทองคำ มอบให้เป็นรางวัลของความดีแก่ชาวนาผู้นั้น
ทั้งนี้ นอกจากประวัติของเทพสี่หูห้าตาแล้ว ลักษณะของเทพองค์กล่าวก็เกี่ยวข้องกับหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาเช่นกัน โดย 4 หู นั้น หมายถึง พรหมวิหาร 4 ซึ่งเป็นหลักธรรมประจำใจ เพื่อให้ตนดำรงชีวิตได้อย่างประเสริฐ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และในส่วนของ 5 ตา นั้น หมายถึง ศีล 5 ข้อ ที่ศาสนิกชนพึงถือปฏิบัติเป็นพื้นฐาน ได้แก่ การไม่ฆ่าสัตว์ การไม่ลักทรัพย์ การไม่ประพฤติผิดในกาม การไม่พูดเท็จ และการไม่ดื่มสุราหรือของมึนเมา
นอกจากนี้ ประวัติเทพสี่หูห้าตา ยังมีความเป็นมาอีก 2 ตำนาน โดยตำนานแรกเป็นของวัดพระธาตุดอยเขาควายแก้ว จังหวัดเชียงราย โดยมีประวัติว่า แมงสี่หูห้าตามีลักษณะเหมือนหมีขนยาวสีดำ ตัวอ้วนเตี้ย มีหู 2 คู่ และมีตา 5 ดวง ดวงตาเป็นสีเขียว กินถ่านไฟร้อนเป็นอาหาร และถ่ายมูลออกมาเป็นทองคำ
และในส่วนของตำนานที่สอง คือตำนานฉบับครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา จังหวัดลำพูน ตามประวัติเล่าว่า ลักษณะของแมงสี่หูห้าตาจะคล้ายลิง เรียกว่า พญาวานรสี่หูห้าตา จะเห็นว่า เทพสี่หูห้าตาที่พระอินทร์จำแลงแปลงการลงมา จะมีประวัติที่บ่งบอกลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละตำนานค่ะ
บทสวดกราบไหว้บูชา เทพสี่หูห้าตา เพื่อความปังในทรัพย์
ทราบประวัติความเป็นมาของเทพสี่หูห้าตากันแล้ว หากสายมูท่านใดที่บูชาเทพสี่หูห้าตา รวมถึงมีความประสงค์ที่จะไปกราบไหว้บูชา ณ สถานที่ตั้งรูปปั้นของเทพองค์ดังกล่าว ก็สามารถใช้บทสวดด้านล่าง บูชาขอเงินขอทอง เพื่อให้เกิดความมั่งมีร่ำรวยกันได้อย่างถ้วนหน้า โดยสามารถสวดตามได้ ดังนี้
ตั้งนะโม 3 จบ
จากนั้นระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และพระอินทร์เทพจำแลงสี่หูห้าตา สงบจิตแล้วภาวนาบทสวดว่า
พุทโธ อยู่หลัง พุทธัง อยู่หน้า ตัวข้า อยู่กลาง เวเวสิ ระตะนัง ปุระโต อาสิ มหาลาโภ ภะวันตุเม อิติปิโส ภควา เงินทองไหลมา อิติปิโส ภควา เงินคำไหลมา อิติปิโส ภควา เงินทองและเงินคำไหลมา เทมา หาข้าพเจ้าเสมอ”
ข้าแต่พระสี่หูห้าตาเท้าตา พระอินทร์ผู้ทรงฤทธิ์ เทพแห่งโชคลาภอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ข้าพเจ้าขอบูชาท่านด้วยถ่านดำ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากภัยและอันตรายใด ๆ ขอให้ท่านประทานพรโชคลาภ ความร่ำรวยทั้งหลายทั้งปวง แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ
ทั้งนี้ การสวดบุชาเทพสี่หูห้าตา สามารถใช้บทสวดข้างต้นเพื่อกราบไหว้บูชาได้ทุกวัน ทุกเวลา อย่างไรก็ตาม ในบางความเชื่อระบุเวลาไว้ว่า ให้กราบไหว้ในช่วงเวลา 18.00 น. เป็นต้นไป เพราะเชื่อว่าความทุกข์ ความลำบากต่าง ๆ ที่ประสบพบเจอ จะหายไปพร้อมกับตะวันที่ตกดิน แล้วหลังจากนั้นจะมีแต่โชคลาภและสิ่งดี ๆ ที่มาพร้อมกับพระอาทิตย์ในวันรุ่งขึ้น เปรียบเหมือนความสว่างไสวในวันใหม่
นอกจากนี้ มูลนิธิสุบินนิมิต ยังได้เผยแพร่บทสวดบูชาเทพสี่หูห้าตาเพิ่มเติม ดังนี้
จุดธูป 5 ดอก
นะโมเม พระสี่หูห้าตาเทวานัง ธูปะธีปะ จะปุปผัง
สักการะวันทานัง สูปะพะยัญชะนะสัมปันโน โภชะนานัง
สาลีนัง สะปะริวารัง อุทะกังวะรัง อาคัจฉันตุ ปะริภุญชันตุ
สัพพะทา ทิตายะ สุชายะ พระสี่หูห้าตาเทวานัง มะหิทธิกา
เตปิ อัมเท อะนุรัก ขันตุ อาโรคะ เยนะ สุเขจะนะ
จากนั้นเอ่ยชื่อตัวเองแล้วขอพร
และหากท่านใดที่กราบไหว้บูชาแล้วพรสำเร็จสมดังตั้งใจ ทั้งในเรื่องโชคลาภ การเงิน การลงทุน และธุรกิจการงาน เมื่อสมหวังแล้วก็จะกลับมาแก้บนด้วยก้อนถ่านดำ ซึ่งอิงตามประวัติที่บอกเล่าว่า พระอินทร์ที่แปลงกายเป็นสัตว์สี่หูห้าตา กินก้อนถ่านเป็นอาหาร ดังนั้น จึงต้องนำก้อนถ่านดำมาแก้บนเทพสี่หูห้าตานั่นเองค่ะ
ปักหมุดสถานที่ขอพร เทพสี่หูห้าตา เพื่อความมั่งคั่งร่ำรวย
บทสวดพร้อมแล้ว สายมูท่านใดที่ไม่ได้บูชาองค์สี่หูห้าไว้กับตน แต่มีศรัทธาอย่างแรงกล้าเพื่อจะไปกราบไหว้บูชา ขอโชคลาภเพื่อความเป็นมงคลแก่ชีวิต และเพื่อเพิ่มทรัพย์สินในบัญชีธนาคาร ก็สามารถเดินทางไปบูชาเทพสี่หูห้าตาได้ตามสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย ได้แก่
1. วัดพระธาตุดอยเขาควายแก้ว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
โดยเทพสี่หูห้าตาที่วัดพระธาตุดอยเขาควาย จะมีลักษณะคล้ายหมี ขนปกคลุมร่างกาย มีหูสองคู่ ตา 5 ดวง ที่ดวงตาจะเป็นสีเขียว ผู้คนที่ศรัทธา หากมีความทุกข์ ความลำบากใจ ก็มักมาขอพรจากเทพสี่หูห้าตา เนื่องด้วยมีความเชื่อว่าหากกราบขอพรจะหายจากทุกข์ มีความสุขมีโชคลาภ
2. รูปปั้นองค์สี่หูห้าตา ตำบลองครักษ์ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง
รูปปั้นองค์สี่หูห้าตา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า พระอินทร์จำแลง ที่ตำบลองครักษ์ จะไม่ตั้งอยู่ในศาสนสถานเหมือนที่อื่น ๆ และเป็นปูนรูปปั้นสีเขียวขนาดใหญ่เท่าคนจริง มีรูปร่างคล้ายลิงปนยักษ์ โดยที่ปากคาบถ่านไว้ ซึ่งรูปปั้นองค์สี่หูห้าตาที่นี่ ชาวบ้านในพื้นที่มักจุดเตาถ่าน พร้อมจุดธูป และนำพวงมาลัยมากราบไหว้ขอพร เพื่อขอโชคลาภและเงินทอง
3. สำนักเรือนเทวะพระมุนี อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
เทพสี่หูห้าตาที่สำนักเรือนเทวะพระมุนี จะค่อนข้างมีความพิเศษกว่าที่อื่น เนื่องจากเป็นเทพสี่หูห้าตาองค์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีความสูงกว่า 24 เมตร ลำตัวเป็นสีเขียวและสีแดง โดยผู้ที่ศรัทธา สามารถเข้ามาสักการะได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น.
4. คุ้มนะหน้าทอง ตำบลหนองเพรางาย อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี
ขยับกลับมาที่สถานที่กราบไหว้เทพสี่หูห้าตาที่ใกล้กรุงเทพมหานครกันบ้าง คือที่คุ้มนะหน้าทอง โดยที่นี่เราสามารถลงทะเบียนเลือกชุดสักการะบูชา และผ้ายันต์สี่หูห้าตาของคุ้มนะหน้าทองได้ แต่จำกัด 99 ท่านต่อวันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เราสามารถนำของมาสักการะบูชาเองได้ตามความเชื่อของตนเองค่ะ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นความเป็นมาของเทพสี่หูห้าตา ตามคำบอกเล่าที่ว่า มาจากพระอินทร์แปลงกาย กินถ่านแต่ถ่ายเป็นทองคำ โดดเด่นเรื่องการประทานโชคลาภเงินทอง และบทสวดบูชา พร้อมวิธีแก้บนหากสำเร็จสมหวัง รวมถึงสถานที่บูชาสำหรับสายมู ท่านใดที่สนใจอยากรับโชคลาภเพิ่มทรัพย์สิน ก็สามารถกราบไหว้บูชาเทพสี่หูห้าตาได้นะคะ ทั้งนี้ ข้อมูลทั้งหมดเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ผู้อ่านทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลนะคะ แต่หากศรัทธาก็อย่ารอช้า ไปกราบไหว้ขอเงินกันค่ะ