รัฐบาลจัดตั้ง หน่วยคัดกรองผู้ป่วยยาเสพติด 9.5 พันแห่ง แก้ปัญหายาเสพติด
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย รัฐบาลจัดตั้ง หน่วยคัดกรองผู้ป่วยยาเสพติด 9.5 พันแห่ง ประยุทธ์ เร่งแก้ปัญหายาเสพติด
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังต่อเนื่อง โดยได้มอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานกันทุกภาคส่วน และให้มีมาตรฐานสูงยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดความร่วมมือในทุกมิติ ทำให้ประเทศชาติมีความมั่นคงและปลอดภัย จึงได้เน้นย้ำเรื่องของการบำบัดรักษาผู้ป่วยติดยาเสพติดให้เพียงพอเหมาะสม
ทั้งนี้ ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่าปัจจุบันสามารถตั้งหน่วยบริการศูนย์คัดกรองแล้ว 9,826 แห่งแบ่งเป็นในสังกัด กระทรวงสาธารณสุข 6,615 แห่ง องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น 3,184 แห่ง สถานพยาบาลยาเสพติด 1,078 แห่ง บูรณาการโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (CBTx) ครอบคลุมทุกตำบล 8,687 ชุมชน จัดบริการหอผู้ป่วยในจิตเวชและยาเสพติด ในโรงพยาบาลศูนย์, โรงพยาบาลทั่วไป สังกัด กระทรวงสาธารณสุข ครอบคลุมทุกจังหวัด และโรงพยาบาลสังกัดกรมสุขภาพจิต รวม 5,617 แห่ง จัดตั้งกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติดในโรงพยาบาลชุมชนแล้ว 439 แห่ง เพื่อลดความแออัดผู้เข้าบำบัดฟื้นฟู และเพิ่มการเข้าถึงสำหรับผู้ป่วยที่เข้ารับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพระยะยาวในโรงพยาบาลเฉพาะทาง รองรับผู้ป่วยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ดำเนินการแล้ว 40 แห่ง ใน 25 จังหวัด
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า พร้อมขึ้นทะเบียนศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม 3,132 แห่ง สถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดทุกจังหวัด 140 แห่ง พร้อมทั้งสร้างมาตรการควบคุม ป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และพัฒนาระบบข้อมูลการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของประเทศ โดยปฏิบัติการทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง กระทรวงสาธารณสุข กองทัพไทย กองทัพบก กองทัพอากาศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) กรมการปกครอง กรมคุมประพฤติ กรมราชทัณฑ์ ในนาม “คณะอนุกรรมการระบบบำบัด ฟื้นฟู ติดตามผู้ติดยาเสพติด”
“พล.อ.ประยุทธ์ขอบคุณทุกภาตส่วนที่บูรณาการร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติด ทำให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ดำเนินการควบคู่ไปกับการป้องกันการแพร่ระบาด การปราบปราม เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาครบวงจร เพื่อสังคมที่ปลอดภัยและปลอดจากยาเสพติดอย่างยั่งยืน”น.ส.ทิพานัน กล่าว