อ.เจษฎ์ เตือนวิธีใช้ ‘ปากกาลดความอ้วน’ ย้ำมีผลข้างเคียงสูง ห้ามซื้อเอง
ตั้งสติก่อนจะซื้อ “อาจารย์เจษฎ์” เตือนวิธีการใช้ “ปากกาลดความอ้วน” มีผลค้างเคียงสูงและอันตรายต่อระบบภายในร่างกาย ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเท่านั้น
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ เตือนวิธีการใช้ “ปากกาลดความอ้วน” หรือ “ปากกาลดน้ำหนัก” คือ อุปกรณ์ด้านความงามที่ช่วยควบคุมน้ำหนักในรูปของปากกาสำหรับฉีดยา ที่มีผลค้างเคียงและความความอันตรายมาก เนื่องจากเป็นยาควบคุมพิเศษ ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้นั่นเอง
โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2566 “รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์” หรือ “อ.เจษฎ์” ได้โพสต์เตือนผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว Facebook : Jessada Denduangboripant เตือนเรื่องของการใช้งาน “ปากกาลดความอ้วน” รวมไปถึงอันตรายต่าง ๆ และผลค้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ความว่า
“ระวังการใช้ปากกาลดความอ้วน … ห้ามซื้อมาใช้เองครับ” มีคำถามหลังไมค์มา ถึงยายี่ห้อหนึ่งซึ่งมาในรูปร่างคล้ายปากกา บอกสรรพคุณว่าใช้ควบคุมน้ำหนัก ไม่ต้องออกกำลังกาย ไม่ต้องอดอาหาร ก็ลดความอ้วนได้ เลยสงสัยว่า มีผลข้างเคียงอันตรายหรือไม่ ? คำตอบคือ มีผลข้างเคียงสูงครับ ! เป็นยาควบคุมพิเศษ ที่ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด อย่าซื้อมาใช้เองเด็ดขาด !”
ปากกาลดความอ้วน อันตรายไหม?
ต่อมา “อาจารย์เจษฎ์” ก็ได้หยิบยกข้อมูลอธิบายจากเฟสบุ๊คเพจ “อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์” ระบุว่า “ระวังการใช้ปากกาลดความอ้วน … ห้ามซื้อมาใช้เองครับ”
มีคำถามหลังไมค์มา ถึงยายี่ห้อหนึ่งซึ่งมาในรูปร่างคล้ายปากกา บอกสรรพคุณว่าใช้ควบคุมน้ำหนัก ไม่ต้องออกกำลังกาย ไม่ต้องอดอาหาร ก็ลดความอ้วนได้ เลยสงสัยว่า มีผลข้างเคียงอันตรายหรือไม่ ?
คำตอบคือ มีผลข้างเคียงสูงครับ ! เป็นยาควบคุมพิเศษ ที่ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด อย่าซื้อมาใช้เองเด็ดขาด !
เรื่องนี้ ทาง อบ. ได้เลยออกมาเตือนแล้วว่า พบการโฆษณาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปากกาลดน้ำหนัก ขายกันทางออนไลน์ และมี
แนวโน้มจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จึงขอเตือนประชาชนว่า “ปากกาฉีดยาลดน้ำหนัก มีข้อบ่งใช้สำหรับการลดน้ำหนัก สำหรับผู้มีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน ร่วมกับปัญหาด้านสุขภาพ เช่น เบาหวาน ความดันเลือดสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ หรือปัญหาภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับเนื่องจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ
โดยมีตัวยาสำคัญ คือ ลิรากลูไทด์ (Liraglutide) ออกฤทธิ์ในสมองที่ควบคุมความอยากอาหาร ส่งผลทำให้รู้สึกอิ่ม และหิวน้อยลง ยาดังกล่าวจัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น ไม่สามารถวางจำหน่ายทางสื่อออนไลน์ หรือตามร้านค้าทั่วไปได้
ยาดังกล่าวมีข้อควรระวังในการใช้กับผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคตับ โรคเบาหวาน ถุงน้ำดีอักเสบและนิ่วในถุงน้ำดี ไทรอยด์หรือโรคเกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อ มะเร็ง และขณะรักษา แพทย์จะต้องปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละราย และออกแบบโปรแกรมการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ที่เหมาะสมอีกด้วย
การใช้ยานี้อย่างไม่เหมาะสม อาจมีผลข้างเคียงตั้งแต่คลื่นไส้ อาเจียน การรับรู้รสชาติเปลี่ยนไป วิตกกังวล ถุงน้ำดีอักเสบ ไตวาย เป็นต้น หากพบเห็นการโฆษณาผลิตภัณฑ์ในลักษณะดังกล่าวขอให้แจ้งมาที่สายด่วน อย. 1556
รู้จัก “ปากลดน้ำหนัก” นวัตกรรมช่วยควบคุมน้ำหนัก
ทั้งนี้ สำหรับ “ปากกาลดน้ำหนัก” เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยควบคุมน้ำหนักในรูปของปากกาสำหรับฉีดยา โดยในปี ค.ศ. 2014 องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาได้รับรองยาที่ชื่อ Liraglutide ชนิดฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ไว้ใช้สำหรับลดน้ำหนัก ซึ่งกลไกการทำงานของยาที่ได้จากปากกาลดน้ำหนักนั้น เป็นดังนี้
– ยานี้เป็นยาเลียนแบบฮอร์โมนอิ่ม GLP-1 (Glucagon Like Peptide 1) โดยตัวยามีความใกล้เคียงกับ GLP-1 ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายถึง 97%
– ยานี้จะช่วยลดการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ อาหารที่กินเข้าไปนั้นย่อยช้าลง ช่วยให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น จึงรับประทานอาหารได้น้อยลง
– ยามีฤทธิ์ต่อสมอง ทำให้ไม่รู้สึกหิว ความอยากอาหารลดน้อยลง และทำให้ควบคุมการกินได้ดีขึ้น
– กระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งฮอร์โมนอินซูลินมาช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด โดยไม่ทำให้น้ำตาลตก หรือวูบ เพราะยาจะออกฤทธิ์ก็ต่อเมื่อเรากินอาหารเข้าไปแล้วเท่านั้น
ยา Liraglutide ในรูปแบบปากกาลดน้ำหนัก มักใช้หัวเข็มขนาดเล็กมาก โดยมีวิธีใช้งานตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำไว้ดังนี้
– ฉีดยาเข้าชั้นไขมันใต้ผิวหนัง บริเวณหน้าท้อง ต้นขา หรือต้นแขนที่มีไขมันมากๆ แต่บริเวณอื่นๆ อาจฉีดยากกว่าบริเวณหน้าท้อง
– สามารถฉีดยาเวลาใดก็ได้ ได้ทั้งก่อนและหลังอาหาร แต่แนะนำให้เป็นเวลาที่สามารถฉีดเป็นประจำได้ทุกวันและไม่ลืม โดยส่วนมากแพทย์จะแนะนำให้ฉีดช่วงเช้าหลังตื่นนอน หรือกลางคืนก่อนนอน
– ฉีดยาทุกวัน วันละ 1 ครั้ง ห้ามลืม เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการลดน้ำหนักได้ดีที่สุด หากลืมอาจจะทำให้ได้รับปริมาณยาที่ลดลง และผลของการลดน้ำหนักลดลง
– ฉีดยาต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งไม่มีกำหนดตายตัวว่าจะต้องหยุดยาเมื่อไหร่ โดยจะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักต้องการ เช่น หากใช้แล้วน้ำหนักลดลงตามที่ต้องการแล้ว แต่ค่า BMI ยังเกินมาตรฐานอยู่ก็สามารถใช้ต่อเนื่องได้หากต้องการ หรือหยุดใช้ได้เพราะได้ตัวเลขน้ำหนักที่พอใจแล้ว
การใช้ปากกาลดความอ้วนนั้นไม่เจ็บ เนื่องจากเข็มที่มีขนาดเล็กมาก โดยการฉีดครั้งแรกแพทย์จะเป็นผู้สอนการใช้และจะจับมือฉีดให้ลองใช้เอง เพื่อให้สามารถฉีดได้เองในครั้งต่อไป
เช็กผลข้างเคียงของ “ปากกาลดความอ้วน”
เมื่อใช้ปากกาลดน้ำหนัก อาจมีผลข้างเคียงได้บ้าง เช่น เนื่องจากตัวยามีผลต่อการบีบตัวต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ จึงอาจทำให้รู้สึกคลื่นไส้ พะอืดพะอมได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อกินเร็ว หรือกินในปริมาณมาก โดยจะเป็นเฉพาะช่วงเริ่มใช้ยา หรือปรับเพิ่มขนาดยาใหม่
– ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องเสียเล็กน้อย
– ท้องผูก เนื่องจากยาที่ฉีดเข้าไปจะลดอัตราการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ลำไส้ทำงานช้าลง จึงมีโอกาสทำให้เกิดท้องผูก แต่อาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดกับทุกคน และร่างกายจะสามารถปรับตัวได้เมื่อใช้ยาต่อเนื่อง 1-2 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม การใช้ปากกาลดน้ำหนักนี้เป็นเพียงวิธีหนึ่งที่ช่วยลดน้ำหนัก เพราะช่วยควบคุมการกินอาหาร ควบคุมปริมาณแคลอรีที่ได้รับเข้าไปในร่างกายให้น้อยลงกว่าเดิม โดยปกติแล้วเมื่อได้รับแคลอรีน้อยลงกลไกของร่างกายจะดึงเอาพลังงานจากกล้ามเนื้อไปใช้ก่อน
ทำให้กล้ามเนื้อสลายไปก่อนไขมัน น้ำหนักที่หายไปอาจไม่ใช่การลดลงของไขมันแต่เป็นกล้ามเนื้อ ซึ่งการลดลงของกล้ามเนื้อนี่เองคือเหตุผลที่หากหยุดใช้ปากกาลดน้ำหนักจะทำให้เสี่ยงโยโย่ หากควบคุมการรับประทานอาหารไม่ได้
อ้างอิง : 1