ผู้ชาย

เปิดประวัติ นพพร ศุภพิพัฒน์ เศรษฐีผู้ลี้ภัย ม.112 – ชนะคดี 30,000 ล้านบาท

ส่องโปรไฟล์ ประวัติ “เสี่ยนิค” นพพร ศุภพิพัฒน์ อดีต CEO บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด เศรษฐีชื่อดังผู้ติดอันดับ Top 50 บุคคลที่รวยที่สุดในประเทศไทย ก่อนกลายเป็นหนึ่งในผู้ลี้ภัยคดี ม.112 ปัจจุบันเพิ่งชนะคดีความโกงหุ้นโรงไฟฟ้า เตรียมรับค่าเสียหายมูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก

“เสี่ยนิค” นพพร ศุภพิพัฒน์ เศรษฐีหมื่นล้าน CEO วินด์ เอนเนอร์ยี่

เสี่ยนิค หรือ นพพร ศุภพิพัฒน์ เป็นผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอของ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลมใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้เสี่ยนิคติดอันดับ 31 ใน Top 50 เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย

สำหรับเส้นทางชีวิตการทำงานของเสี่ยนิค เรียกได้ว่ามีจุดพลิกผันหลายอย่าง โดยเดิมทีเสี่ยนิคมักจะเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ก่อนเล็งเห็นช่องทางหาเงินผ่านการเล่นหุ้น ซึ่งเจ้าตัวสามารถสร้างกำไรมูลค่ากว่า 26 ล้านบาทได้ ตั้งแต่อายุเพียงแค่ 21 ปีเท่านั้น

ต่อมาเสี่ยนิคนำเงินจากการเล่นหุ้น ไปลงทุนทำนิตยสาร ทว่าไม่ประสบความสำเร็จทำให้สูญเสียเงินเก็บไปเกือบทั้งหมด เจ้าตัวจึงหันมาสนใจงานธุรกิจด้านพลังงานทางเลือก กระทั่งเริ่มลงสนามครั้งแรกในปี 2548 จนฉายแววรุ่งออกมา กลายเป็นที่รู้จักทั้งในแวดวงนักลงทุน นักธุรกิจ และนักการเมือง

ด้วยวิสัยทัศน์และศักยภาพในการบริหารจัดการ ทำให้เสี่ยนิคก่อตั้ง บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ได้สำเร็จในปี 2552 โดยเขาได้จดทะเบียนบริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ด้วยทุนมูลค่า 1,088 พันล้านบาท

จากความสำเร็จของธุรกิจโรงไฟฟ้า ทำให้ในปี พ.ศ. 2557 หรืออีก 5 ปีต่อมา เสี่ยนิคกลายเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ที่ติด Top 50 คนที่รวยที่สุดของไทย ด้วยทรัพย์สินรวมกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท ก่อนจะเกิดคดีดังตามมาในภายหลัง

ประวัติ เสี่ยนิค นพพร ศุภพิพัฒน์

ภาพจาก windenergyholding.com

เสี่ยนิคชนะคดีโกงหุ้นโรงไฟฟ้า 3 หมื่นล้านบาท

ย้อนกลับไปก่อนที่จะเกิดคดีความ ในช่วงปี 2552 – 2557 เสี่ยนิคหรือนายนพพร ถือหุ้นของ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด จำนวนกว่า 59.46% ผ่านนามบริษัทอื่น ๆ เช่น รีนิวเอเบิล เอนเนอยี คอร์เปอร์เรชั่น จํากัด (REC)

ทว่าในช่วงปลายปี 2557 เสี่ยนิคเริ่มถูกโจมตีด้วยคดีอาญาทั้งเท็จและจริงหลายคดี ไม่ว่าจะเป็น คดีจ้างวาน 3 พี่น้อง อุ้มข่มขู่เจ้าหนี้/อดีตหุ้นส่วน นายบัณฑิต โชติวิทยะกุล ให้ลดหนี้มูลค่า 120 ล้านเหลือ 20 ล้าน ตลอดจนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

เป็นเหตุให้เสี่ยนิคถูกกดดันจาก SCB และกรรมการท่านอื่นของบริษัท ให้ทำการขายหุ้นออกไป โดยมี นายณพ เข้ามาขอซื้อหุ้นต่อด้วยการใช้วิธีจัดตั้งบริษัทขึ้นมาทำสัญญาซื้อหุ้น จำนวน 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ฟูลเลอร์ตัน เบย์ อิน เวสต์เมนต์ ลิมิเต็ด และ บริษัท เคพีเอ็นเอนเนอยี โฮลดิ้ง จํากัด (KPNEH)

ทว่าในภายหลังเสี่ยนิคพบว่า ตนอาจไม่ได้รับการชำระเงินส่วนที่เหลือ อีกทั้งหุ้นที่ขายไปยังถูกโอนต่อให้กับบุคคลอื่น โดยทนายความของเสี่ยนิคเผยว่า จำเลยได้ร่วมกันสมคบคิดทำเอกสารช่วงปี 2557-2561 จูงใจให้เสี่ยนิคขายหุ้นตำกว่าราคา ซึ่งในตอนนั้นเสี่ยนิคขายไปด้วยมูลค่า 872 ล้านดอลลาร์ ทว่าได้รับเงินจริงเพียง 179 ล้านดอลลาร์ อีกทั้งในปัจจุบันหุ้นดังกล่าวได้มีมูลค่ามากถึง 1,600 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

เป็นเหตุให้เสี่ยนิคทำการยื่นฟ้องต่อศาลในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม โดยศาลใช้เวลาในการสิบพยานรวม 17 สัปดาห์ ซึ่งประกอบไปด้วยฝ่ายโจทก์ 4 ราย และจำเลย 17 ราย

กระทั่งล่าสุดได้มีการตัดสินแล้วว่า กลุ่มจำเลยได้ร่วมกันกระทำผิดมาตรา 432 จริง ทำให้ต้องจ่ายค่าเสียหายแก่เสี่ยนิคมูลค่ารวม 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 30,000 ล้านบาท จากค่าเสียหายเดิมที่เสี่ยนิคเรียกร้องไป 1,500 ล้านดอลลาร์หรือ 51,380 หมื่นล้านบาท

สำหรับเสี่ยนิค หรือ นพพร ศุภพิพัฒน์ ผู้ก่อตั้งและอดีต CEO ของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด เขาได้ลี้ภัยจากคดีม. 112 ไปทางประเทศกัมพูชา และหนีไปฝั่งยุโรป ก่อนเดินทางผ่านสหรัฐอเมริกา และอาศัยอยู่ในประเทศแคนาดาจนถึงปัจจุบัน.

Eye Chanoknun

นักเขียนประจำ Thaiger จบจากคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีประสบการณ์เขียนงานผ่านเว็บไซต์ด้านความงามและแฟชั่นชื่อดังของไทยมากกว่า 3 ปี ปัจจุบันชื่นชอบการเขียนข่าวบันเทิง ภาพยนตร์ ซีรีส์ k-pop และไลฟ์สไตล์ เพื่อนำมาบอกเล่าผ่านตัวอักษร ด้วยมุมมองใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ชวนให้ติดตาม ช่องทางติดต่อ eye@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button