เปิด 4 สูตรตั้ง “รัฐบาลเพื่อไทย” เกมชิงอำนาจ-พลิกสลับขั้ว จะเกิดขึ้นจริงไหม ?
เพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาล ชำแหละ 7 สูตร สมการก่อนโหวตนายกรอบ 3 หลังแคนดิเดตพิธา ไปต่อไม่ได้ ลุ้นพรรคอันดับ 2 จะจับมือ ภูมิใจไทย ดัน เศรษฐา นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศ แนวทางนี้เป็นจริงไหม ลุ้นแผนพลิกขั้ว เกมชิงอำนาจตั้งรัฐบาลใหม่ หรือเดินหน้า 8 พรรคเดิม พาเปิดฉากทัศน์ก่อนลุ้นบทสรุป วันที่ 27 กรกฎาคม 2566
วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 หนึ่งวันภายหลัง ผลโหวตเลือกนากรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ยังต้องเผชิญกับสภาวะสูญญากาศ จาหสาเหตุ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรรคก้าวไกลและตัวเต็งเก้าอี้นายกฯ เบอร์ล่าสุด ไปไม่ถึงฝั่งฝันเจอการสกัดดาวรุ่งโดยทีมงาน “สมาชิกวุฒิสภา” ผู้ทรงเกียรติ หรือ สว. ลงมติไม่รับรองให้เอาชื่อมาลงคะแนนหน 2 จนการเลือกตำแหน่งผู้นำประเทศ ร้อนถึง นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ในฐานะประธานสภา ต้องประกาศเลื่อนไปเป็นวันที่ 27 ก.ค.66 ที่จะถึงนี้แทน
และก่อนจะไปถึงวันนั้น นาทีนี้เชื่อว่าทุกคนคงคาดหมายพรรคแกนนำที่จะก้าวขึ้นมาจัดตั้งรัฐบาลพรรคก้าวไกลได้ไม่ยาก เพราะหากยึดตามคำที่ “นายพิธา” ได้กล่าวไว้ก่อนถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. ที่ว่า หากตัวเองฝ่าด่านไปไม่ได้ ก็จะถอยให้ “พรรคเพื่อไทย” พรรคที่คะแนนเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 2 ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน
ด้วยเหตุและผลนี้ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า “ฉากทัศน์” สำคัญของการเมืองไทยจากนี้ที่จะฉายให้เห็นถึงอนาคต ตลอดจนแนวทางดำเนินการดึงเสียงหรือพรรคร่วมรัฐบาลมาเพิ่ม ทางพรรคที่เคยครองความนิยมาอันดับ 1 ของประเทศมานาน จะมีวิธีการหรือกลยุทธอย่างไรกับกาลศึกเที่ยวนี้
ที่หลังจากผ่านสมรภูมิแรก พรรคฝ่ายร่วมรัฐบาลที่เดินจูงมือกันมาดิบดีในตอนแรกอย่าง “ก้าวไกล” นอกจากจะต้องผิดหวัง ไม่ได้ตำแหน่งที่พรรคคะแนเลือกตั้งมาเป็นที่หนึ่งควรได้รับผลลัพธ์ดังกล่าวแล้ว นาทีนี้ดูเหมือนจะยิ่งเจอกับมรสุมที่เป็นผลสืบเนื่องจากการพ่ายในสมรภูมิแรกนี้ เสียหายถึงขั้นต้องถูกผลักไปเป้นฝ่ยค้านกันเลยทีเดียว
เปิด 4 สูตร “รัฐบาลเพื่อไทย” ดีลสลับขั้ว-หรือจูงมือ 8 พรรคร่วมเดิม
สำหรับสูตรแรก หรือ เกมจับคู่ที่ 1 “รัฐบาลขั้วเดิม” ตอนนี้ โอกาสที่จะไปต่อในแนวทางนี้นั้น เปอร์เซนต์น้อยเหลือเกิน จากฐานเสียงที่รวมได้ 312 เสียง โดยอีก 188 เสียงจะเป็นฝ่ายค้าน ซึ่ตรงนี้ ไม่ว่าจะมองโอกาสจากมุมไหน ทั้งดึงพรรคขั้วรัฐบาลเดิมมาฟหนุนเพิ่ม หรือ จูงใจให้ สว. เปลี่ยนใจ ก็ยังเป็นสมาการที่เกิดขึ้นได้น้อยเต็มที
ต่อกันด้วยสูตร 2 รัฐบาลขั้วเดิม เพิ่มเติม คือ ภูมิใจไทย
- ฉากทัศน์นี้หากเกิดขึค้นจริง จำนวนเสียงโหวตหนุนนายกของฝ่ายจัดตั้งรัฐฐาลโดยมีพรรคเพื่อไทยเป้นแกนนำจะได้จำนวนเสียงเพิ่มเป็น 383 เสียง ฝ่ายค้านมี 117 เสียง ซึ่งเพียงพอต่อการฝ่าด่านสภาเพราะเสียงเกินกึ่งหนึ่ง
สูตร 3 รัฐบาลขั้มเดิม เพิ่มเติมคือดึง ประชาธิปัตย์ + ชาติไทยพัฒนา
- หากเป็นไปตามแนวทางนี้ เสีงหนุนของฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล จะมี 347 เสียง ซึ่งก็ยังเพียงพอให้ฝ่าด่าน เสียงเกินกึ่งหนึ่ง การันตีเก้าอี้นายกรัฐมนตรีลำดับที่ 30 ของประเทศจะเป็นคนของพรรคเพื่อไทย
สูตร 4 รัฐบาลพลิกขั้ว สมการผลัก “ก้าวไกล” เป็นฝ่ายค้าน
- เรียกได้ว่าเป็นสูตรที่ หักมุม พลิกขั้ว สลับอำนาจ ขั้นสุดและอาจนำมาซึ่งการโหมไฟปะทุของ ประชาชนจำนวนมากได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะนี้คือสูตรที่หลายคนกำลังกะเก็งและกังวลว่าจะเกิดขึ้นจริง ซึ่งก็คือ สมการจับมือกันระหว่าง เพื่อไทย-ภูมิใจไทย และ พลังประชารัฐ ที่มี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ เป็นตัวแปรสำคัญที่จะผลักให้ ก้าวไกล ของพิธา ไปเป็นพรรคฝ่ายค้านอย่างเต็มตัว ทั้ง ๆ ที่มีคะแนนเสียงเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง
ทั้งนี้ อ้าอิงจากรายงานล่าสุดวันนี้ (20 ก.ค.66) ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันจะยังไม่ประกาศตั้งรัฐบาลเพื่อไทย เพราะจะรอถกกับก้าวไกลก่อนในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมเปิดเผย 8 พรรคยังไม่คิดข้ามขั้ว อีกทั้งยังมั่นใจเสียงสนับสนุนหากพรรคเพื่อไทยต้องหาเพื่ม จะเพียงพอโดยยึดฝ่ายพรรคร่วมชุดเดิมที่มีก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วย
ขณะที่ สุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคพท. พูดวันนี้ ระบุ มี 3 ฉากทัศน์จากนี้ หาก “เพื่อไทย” เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อฝ่าด่าน สว. คือ
- 8 พรรคกอดคอเป็นฝ่ายค้าน
- เพื่อไทยเป็นรัฐบาล แยกทางก้าวไกลให้เป็นฝ่ายค้าน
- เพื่อไทย-ก้าวไกลร่วมรัฐบาล แต่ขอลดท่าที ม.112 *** ไม่ปรับท่าทีก็แยกทาง
- อนุทิน พูดเองวันนี้ เพื่อไทย ยังไม่ทาบร่วมรัฐบาล
- หมอชลน่าน ยังไม่คิดสลับขั้ว ตอนนี้
- แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เก็ง 3 ชื่อนี้ใครจะถูกเสนอ.