‘หมอชลน่าน’ ยังไม่คิดสลับขั้ว ตอนนี้ ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ ยังอยู่
หมอชลน่าน ให้สัมภาษณ์ขณะนี้ยังไม่คิดสลับขั้ว จับมือ ‘ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ’ ตอนนี้ ก้าวไกล กับ เพื่อไทยยังอยู่ รอก้าวไกลตัดสินใจ
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคร่วม 8 พรรค ว่า มติเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ตีความว่าการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเป็นญัตติที่ไม่สามารถเสนอซ้ำได้ในสมัยประชุมเดียวกัน ทำให้ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคพรรคก้าวไกล ซ้ำเป็นรอบสองได้ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นเพราะจะผูกมัดต่อไปในอนาคต แต่จะเป็นเพียงการผูกมัดแค่มาตรา 272 เมื่อเปลี่ยนไปใช้การมาตรา 159 แต่งตั้งนายกฯ ข้อผูกพันนี้จะลดไป
อย่างไรก็ตาม ทราบว่าเบื้องต้นเลขาธิการของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลพูดคุยกัน ซึ่งเราก็รอว่าจะมีการนัดหมายเมื่อใด
ผู้สื่อข่าวถามท่าที่ของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยว่า อย่างไรก็ตาม ทราบว่าเบื้องต้นเลขาธิการของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลพูดคุยกัน ซึ่งเราก็รอว่าจะมีการนัดหมายเมื่อใด ต้องรอ ในฐานะที่เป็น 8 พรรคร่วม ซึ่งการตัดสินใจและท่าทีอยู่ที่พรรคก้าวไกลก่อน เมื่อถามย้ำว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยไม่ปล่อยมือพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขณะนี้ยัง ยังอยู่
ต่อข้อถามถึงการเสนอชื่อนายกฯครั้งต่อไป จะต้องเป็นของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า อยู่ที่การหารือที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ โดยรอนัดหมาย อาจเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็แล้วแต่เขาจะนัดหมายกัน
เมื่อถามต่อว่าแกนนำพรรคก้าวไกลหลายคนไม่พอใจการทำงานของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มีใครพอใจ ส่วนตัวก็ไม่พอใจเหมือนกัน จะเสนอญัตติโดยใช้เสียงข้างมากธรรมดาโดยไม่มีช่องทางที่ชอบด้วยข้อบังคับการประชุมรัฐสภาไม่ได้ แต่เมื่อออกมาเช่นนั้นก็ต้องยอมรับ เพราะเราปกครองในระบอบประชาธิปไตย และระบบรัฐสภา ระบบเสียงข้างมาก ก็ต้องยึดถือ เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่อาจมีความแคลงใจ คาใจและไม่พอใจ คือเสียงข้างมากไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม และจะทำให้ระบบรัฐสภามีปัญหาแน่นอน
“บทเรียนครั้งนี้สามารถนำมาปรับปรุงแก้ไขได้ เมื่อหมดวาระของสว. ในวันที่ 11 พ.ค.2567 เรามีความชอบที่จะแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยนำเรื่องการให้ความเห็นชอบนายกฯมากำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุมสภา อะไรที่เป็นข้อจำกัดในข้อบังคับการประชุมรัฐสภาไปบัญญัติไว้ในข้อบังคับการประชุมสภาฯแทน” นพ.ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามอีกว่าแสดงว่าพรรคเพื่อไทยมีแผนในการเดินหน้าขอเสียงจาก สว.เพิ่ม ใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยัง เมื่อถามว่าเหตุใดจึงมั่นใจ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ด้วยหลักการ ถ้าเราจะชนะ กำลังเราต้องเต็มร้อย หรืออย่างน้อยก็ต้อง 80-90 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเรามีกำลังพอ เขาก็แพ้ ไม่ว่าใครเจอสถานการณ์เช่นนี้ก็ต้องคิดหนัก ต้องสร้างมั่นใจก่อนไปรบ ว่าจะมีโอกาสชนะอย่างไร
“ผมสงสารก้าวไกลที่ใช้ประเด็นเหล่านี้มาเป็นเงื่อนไข ขณะนี้ไม่ใช่แค่ 112 แล้ว เพื่อไทยไม่มีความคิดก้าวล่วงสิทธิและเสรีภาพของพรรคก้าวไกล เราเป็นพรรคร่วมก็จริง การที่บอกว่าคุณไปลดหน่อย โน้นนี่นั่น เราไม่มีสิทธิ์ อยู่ที่การตัดสินใจของพรรคเขา” นพ.ชลน่าน กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าถึงขั้นพลิกขั้วหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยังไม่คิด เมื่อถามยํ้าว่าหลักการที่จะเอาชนะ คือมีพรรคก้าวไกลร่วมด้วยใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่ได้กำหนดว่าต้องมีหรือไม่ แต่ขณะนี้ เรายังมี 8 พรรคร่วม
เมื่อถามถึงสถานการณ์ของ 8 พรรคร่วม ยังราบรื่นหรือไม่เพราะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย วิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกล อย่างดุเดือด นพ.ชลน่านกล่าวว่า ความคิดเห็นของแต่ละคนถือเป็นเสรีภาพ ยังถือเป็นความเห็นรวมไม่ได้ หากเป็นความเห็นรวมต้องนั่งปรึกษาหารือกันถึงจะออกมาเป็นความเห็นของ 8 พรรค
ส่วนที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แสดงความเห็นว่า ให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลไปเลย และให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านนั้น นพ.ชลน่านกล่าวว่า ก็เป็นความเห็นของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เพราะอาจจะมองว่า มีความเป็นไปไม่ได้เลยในการจัดตั้งรัฐบาล จึงแสดงความเห็นถึงช่องทางที่จะเป็นไปได้มากกว่า ส่วนตัวคิดว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ คงคิดแบบนั้น