ชลน่าน เผย เพื่อไทยพร้อมตั้งรัฐบาล ตอบกรณี “อุ๊งอิ๊ง” เตรียมเสนอชื่อ “เศรษฐา” ถ้าพิธาไปต่อไม่ได้

Pacharaเผยแพร่: 18 ก.ค. 2566 15:41 น.| อัปเดต: 18 ก.ค. 2566 15:41 น.

73 1 minute read

หมอชลน่าน ประกาศชัด เพื่อไทย พร้อมจัดตั้งรัฐบาลแทน พรรคก้าวไกล เล็งแก้เอ็มโอยู 8 พรรคร่วม เปิดทางดึงพรรคร่วมเติมเสียงสนับสนุน

เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2566 ภายหลังการประชุมวิป 3 ฝ่าย ที่รัฐสภาวันนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เปิดเผยถึงความคืบหน้าก่อนโหวตเลือกนากรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศ กันในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) โดยระบุเกี่ยวกับเรื่องที่มีการพูดคุยกันในที่ประชุม ซึ่งเป็นข้อถกเถียงของกฎตลอดจนข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อที่ 41 เรื่องการที่จะเสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรก้าวไกล โหวตเลือกนายกในรอบ 2 นี้ ได้หรือไม่ ?

โดยจากฝ่ายหนึ่งเห็นว่าไม่สามารถเสนอได้ เพราะติดเงื่อนไขข้อบังคับฯ ข้อที่ 41 ขณะที่อีกฝ่ายมองว่าไม่ขัดข้อบังคับ ซึ่งฝั่งของ หมอชลน่าน ก็ได้กล่าวว่าในการประชุมรัฐสภา วันพรุ่งนี้เมื่อเปิดประชุมแล้ว ตามมติพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค จะเสนอชื่อนายพิธา ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยพรรคเพื่อไทยจะเป็นผู้เสนอชื่อ หากมีผู้เห็นต่างว่าไม่สามารถเสนอชื่อคนเดิมซ้ำได้ เพราะติดเงื่อนไขข้อบังคับประชุมรัฐสภา ข้อ 41 ก็ต้องมีการอภิปรายกัน และสุดท้ายคงใช้วิธีลงคะแนนตัดสิน

หากเสียงส่วนใหญ่ให้ญัตติดังกล่าวตก ก็ถือว่าจบไป ต้องนัดประชุมรอบใหม่

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องของการประชุมในวันที่ 19 ก.ค.66 เมื่อเปิดประชุมแล้ว ตามมติ 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอชื่อนายพิธา ให้โหวตนายกฯอีกรอบ โดยพรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้เสนอชื่อนายพิธา แต่ถ้ามีคนเห็นต่าง อยากให้ญัตติดังกล่าวตกไป ก็ต้องมาอภิปรายถกเถียงกัน สุดท้ายต้องใช้วิธีการลงคะแนนตัดสิน ถ้าญัตติดังกล่าวตกก็ถือว่าจบไป ต้องไปนัดประชุมรอบใหม่

ถามว่ากรณีถ้าเสนอชื่อนายพิธา โหวตเป็นนายกฯรอบที่ 3 จะต้องได้คะแนนในรอบสองเท่าไหร่ ถึงจะเสนอชื่อในรอบต่อไปได้ ประเด็นนี้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเคยคุยกันแล้ว

โดย ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ยกตัวอย่างถึงการโหวตรอบสามว่า จะต้องมีแนวโน้มของสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ยังไม่ไดข้อสรุป ขณะที่ นายพิธาไปบอกว่าควรมีคะแนนเพิ่มขี้น 10 เปอร์เซ็นต์ หรือ 344-345 คะแนน แต่ถ้าดูคำว่า 10 เปอร์เซ็นต์ แล้วหมายความว่าจะต้องได้เพิ่มอีก 32 คะแนน เมื่อไปร่วมกับ 324 เสียงเดิมจากรอบแรก ก็จะต้องได้คะแนนถึง 356-360 ถึงจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่นายพิธา พูดเอาไว้

นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมอีกว่า พรรคเพื่อไทย เคารพพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่ง แต่พรรคก้าวไกลยังไม่ประกาศ อย่างเป็นทางการในการให้พรรคอันดับ 2 ขึ้นมาจัดตั้งรัฐบาล เพื่อไทยจะมาทึกทักว่าเป็นโอกาสของตัวเองไม่ได้ โดยความชอบธรรมจะต้องรอให้มีแถลงการณ์จากพรรคอันดับหนึ่ง มอบให้พรรคอันดับสอง เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยจึงจะบอกได้ว่าเสนอชื่อใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยต้องการเวลาหาเสียงสนับสนุนนานเท่าไหร่ ในการตั้งรัฐบาลหากชื่อของนายพิธา ยังไม่ผ่านการโหวตในรอบสอง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความพร้อม แต่ต้องรอให้ผ่านกระบวนการภายในพรรคฯ ก่อน ถ้าพรรคเพื่อไทย ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล หลายเรื่องจะต้องเปลี่ยนแปลง

โดย ชลน่าน ชี้ชัดว่าโดยเฉพาะเนื้อหาสาระของเอ็มโอยู (Mou) ทั้ง 8 พรรค หลายเรื่องจะต้องเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ใช่การยกเลิก เช่น ชื่อของนายพิธา จะต้องเปลี่ยนไปเป็นใคร การเติมเสียงพรรคที่ 9 พรรคที่ 10 การหาเสียง ส.ว.มาสนับสนุนเพิ่มเติม ถ้าประธานรัฐสภา จะบรรจุญัตติเลือกนายกฯ ในสัปดาห์หน้า ก็ต้องมีความพร้อม

ต่อมาประเด็น สมาชิกวุฒสภา หรือ ส.ว. ที่ยังยืนหลักการว่าถ้ายังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลก็จะไม่โหวตให้พรรคเพื่อไทยนั้น หมอชลน่าน ก็ได้ชี้แจงว่าเป็นแค่สถานการณ์สมมติ การจะได้ 375 เสียง จะต้องดูว่า 8 พรรคร่วมเห็นอย่างไร และพรรคเพื่อไทยมีสิทธิ์ปรับเปลี่ยนอะไรได้บ้าง รวมถึงการฟังเสียงของส.ว. องค์ประกอบเหล่านี้จะต้องนำมาประกอบกัน

ดังนั้น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จึงกล่าวเชิงเน้นย้ำว่าอย่าเพิ่งไปคาดการณ์อะไรถึงขั้นนั้น สาวนกรณีที่ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเผยว่าตัวเองจะเสนอชื่อ เศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการโหวตเลือกนากยก กรณีที่สมมติว่า นายพิธาไปต่อไม่ได้

เรื่องนี้ นพ.ชลน่าน ระบุชัดเจน เรื่องเสนอชื่อของนายเศรษฐาเป็นความเห็นของ น.ส.แพทองธาร จะต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมพรรคก่อน

ส่วนชื่อของนายเศรษฐา จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 19 ก.ค.ได้ทันทีหรือไม่ หากชื่อของนายพิธาไม่ผ่านนั้น หัวหอกเบอร์หนึ่งของ “พท.” ก็ได้ทิ้งท้ายว่า ในทางปฏิบัติไม่ควรยื่นญัตติซ้อนไป เพราะชื่อของนายเศรษฐา ไม่เคยเอาเข้าที่ประชุมของ 8 พรรคร่วม เพื่อหารือกันมาก่อน อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูเหตุการณ์ในวันที่ 19 ก.ค.อีกครั้ง.