“นักเรียนหญิงชูนิ้วกลาง ใส่ครูผิวดำ” อุทาหรณ์โลกคอนเทนต์ โปรไฟล์ Digital Footprint ที่จะติดตัวไปตลอด
นักเรียนชูนิ้วกลางใส่ครู อุทาหรณ์โลกแห่งคอนเทนต์ แม้ถือพานขอขมา สังคมให้อภัย แต่เหตุไร้เดียงสา ไม่เข้าใจระบบ จะทิ้งร่องรอยติดตัวไปตลอดชีวิต เป็นดิจิตอลฟรุตปริ้นต์บนโลกออนไลน์จนโต ถึงแก่ ลาโลก เสิร์ชหาก็ยังเจอ
จากกรณีดราม่า นักเรียนชูนิ้วกลางทําท่าชกศีรษะใส่ครูชาวต่างชาติ จนต่อมากลายเป็นประเด็นระอุของสังคม โลกโซเชียลวิจารณ์หนาหูแถมสับเละพฤติกรรม เด็กนักเรียนหญิงตั้งใจทำคอนเทนต์ล้อเลียนครูผู้สอน ก่อนนำมาเผยแพร่บนบัญชีติ๊กต๊อก (Tiktok) กระทั่งเป็นดราม่าลุกลุกลามใหญ่โต
ชาวเน็ตหลายคนพากันติดแฮชแท็ก #โรงเรียนที่กำลังจะดังย่านหนองจอก พร้อมกับพากันเข้าไปขุดคุ้ยประวัติแฉกันวุ่นวาย เพราะหลังจากที่วานนี้ (17 ก.ค.66) หลายคนได้เห็นการกระทำที่มีทั้งชูสัญลักษณ์อวัยวะเพศชายพร้อมกับท่าชกศีรษะใส่ครูชาวต่างชาติ บุคคลากรทางการศึกษาของโรงเรียน จนต่อมาความเหลืออดของกรุ๊ปทัวร์เวอร์ชั่นตะลุยแดนคีย์บอร์ดก็โร่ออกมาตำหนิหนักและรุนแรงในแง่การตั้งคำถาม อาทิที่ว่า เติบโตมาเยี่ยงไร ? หรือสังคมยุคเทคโนโลยีสุดล้ำ โลกแห่งการผลิตคอนเทนต์มอมเมาให้กระหายยอดวิวและคนรอกดไลค์ได้ถึงขนาดนี้
โดยทันทีที่เป็นดราม่าประจำสัปดาห์ หลายคนให้ความสนใจล้นหลาม ในที่สุดฝ่ายเด็กสาวก็จำเป็นต้องรีบออกมาโพสต์ข้อความขอโทษผ่านบัญชีโซเชียลของตัวเอง พร้อมกับยืนยันว่าจะไปขอโทษครูท่านที่ตัวเองได้แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมใส่แบบต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่อีกครั้ง
ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็ทำตามสัญญาที่ได้ลั่นวาจาไว้ผ่านโซเชียล โดยวันนี้ (18 ก.ค.66) นักเรียนคนดังกล่าวได้โพสต์ทวิตเตอร์ลงภาพขณะถือพานไปขอขมาถึงกริยาที่ได้ล่วงเกินครูผู้สอน พร้อมกับเขียนข้อความเปิดเผยความรู้สึกอีกครั้งว่า “วันนี้หนูได้เดินทางไปขอโทษขอขมาทิชเชอร์ที่โรงเรียนเมื่อตอนเช้าที่ผ่านมาแล้วค่ะ หนูได้เข้าไปพูดคุยกับทางคุณครูและทิชเชอร์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้ขอโทษ ทางทิชเชอร์ได้รับทราบและให้อภัยแล้วค่ะ”
“วันนี้ที่ไปไม่มีคลิปเพราะว่าไม่มีคนถ่ายให้ส่วนพน.หนูจะเข้าไปขอโทษทีชเชอร์พร้อมเพื่อนๆอีกทีค่ะ หนูจะนำบทเรียนในครั้งนี้ไปปรับตัวเองใหม่ค่ะ”
ภายหลังเหตุการณ์เข้าขอมาเป็นเรื่องเป็นราวเสร็จสิ้นลง กระแสของชาวเน็ตบางส่วนก็พอจะทุเลาลง แม้หลายเสียงจะมีมุมมองว่า การกระทำนี้จะติดตัวของเด็กหญิงตลอดไป คล้ายกับดิจิตอล ฟรุตปริ้นต์ (Digital footprint) หรือ “รอยเท้าบนโลกดิจิทัล” ที่แม้จะออกมายอมรับผิดจนสังคมให้อภัย แต่สิ่งที่ทำลงไปก็จะโดยจะตามมาหลอกหลอนและเป็นสิ่งที่เผยตัวตนให้ผู้อื่นบนโลกออนไลน์ได้รับรู้ ติดตัวไปตลอด.
