ข่าว

รถหายในห้าง ใครรับผิดชอบ ? เปิดคำพิพากษาศาลฎีกา คนรักรถทำตามนี้รับรองชนะคดีแน่

กรณีศึกษา คนชอบจอดรถในห้างสรรพสินค้า ต้องอ่าน หลังเพจเฟซบุ๊กพาเปิดข้อมูลคำพิพากษาศาลฎีกา เวลาที่จอดรถตามห้าง แม้ไม่มีบัตรจอดรถ ถ้ากลัวรถหายต้องทำยังไง ล่าสุดมีตัวอย่างสู้ฟ้องร้องจนชนะคดีกันมาแล้ว ขอแค่ทำตามขั้นตอนตามนี้ อย่างน้อยค่าเสียหาย คนรับผิดชอบ ไม่หนีไปไหน

วันที่ 17 กรกฎาคม 2566 จากกรณีที่โลกออนไลน์พากันแห่แชร์ ส่งต่อข้อมูลเคสกรณีศึกษา เวลาที่จอดรถตามห้างสรรพสินค้า แม้ไม่มีบัตรจอดรถ ถ้ากลัวรถหายต้องทำอย่างไรบ้าง โดยยังมีการยกหลักฐานยืนยันเป้นคำพิพากษาศาลฎีกาที่ตัดสนิจนะชนะคดีความเรื่องรถหายนี้กันมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นแนวทางในการให้ข้อมูลแก่ผู้ขับขี่และคนรักรถยนตร์อย่างรอบด้าน วันนี้จึงขออนุญาตนำข้อมูลจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ กฎหมายย่อยง่าย by Natarat ซึ่งมีการลงโพสต์ข้อมูลพร้อมกับคำพิพากษาไว้่อย่างละเอียดตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ปี 2562

รถหายในห้าง ใครรับผิดชอบ
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

โดยระบุเนื้อหา ดังนี้

“รถหายในห้างสรรพสินค้า (ทั้งแบบมีบัตรจอดรถ และไม่มีบัตร) ห้างฯ ต้องรับผิดชอบหรือไม่ ?”

เมื่อวานแอดมินได้เขียนถึงเรื่องรถหายจากที่จอดรถคอนโดไปแล้ว โดยสรุปได้ว่านิติบุคคลอาคารชุด และบริษัทรักษาความปลอดภัย ไม่ต้องรับผิดชอบในความสูญหายที่เกิดขึ้น

เพื่อให้ต่อเนื่องกับเมื่อวาน วันนี้แอดมินจึงขอเขียนถึงกรณีที่รถหายไปจากที่จอดรถห้างสรรพสินค้าอีกซักเรื่องหนึ่ง เนื่องจากห้างสรรพสินค้าเป็นสถานที่ที่คนนิยมไปเดินจับจ่ายซื้อของ ไปทานอาหาร หรือไปเดินตากแอร์เล่นในยามว่าง ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยมีคดีขึ้นสู่ศาลฎีกา โดยมีผู้ใช้บริการห้างสรรพสินค้าได้นำรถยนต์มาจอดในที่จอดรถที่ห้างฯ ได้เตรียมไว้สำหรับผู้มาใช้บริการ ซึ่งผู้ใช้บริการจะต้องรับบัตรจอดรถก่อนนำรถเข้าสู่ที่จอดรถภายในห้างเพื่อเป็นหลักฐานในการนำรถเข้า – ออก

เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่รถของผู้มาใช้บริการได้สูญหายระหว่างที่จอดภายในห้างฯ ศาลฎีกาก็ได้ตัดสินให้ห้างฯ ต้องรับผิดชอบต่อความสูญหายดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า

“แม้ห้างสรรพสินค้า จะไม่มีวัตถุประสงค์ในการรับฝากรถของลูกค้าที่มาจอดเพื่อใช้บริการของห้าง และไม่มีการเก็บค่าจอดรถก็ตาม แต่การก่อสร้างห้างฯ อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร ซึ่งกำหนดให้ต้องมีที่จอดรถ 1 คัน ต่อพื้นที่ทุกๆ 20 ตารางเมตร และห้างฯ ได้ว่าจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัย มาดูแลรักษาความปลอดภัยของห้างฯ โดยต้องตรวจบัตรเมื่อจะนำรถออก ต้องให้ตรงกับทะเบียนรถ จึงเป็นการจัดที่จอดรถให้แก่ลูกค้า

เมื่อปรากฏว่ารถที่สูญหายไป บัตรจอดรถยังอยู่ที่ผู้มาใช้บริการ โดยพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ระมัดระวังในการออกบัตรจอดรถ และตรวจบัตรจอดรถโดยเคร่งครัด เป็นเหตุให้รถยนต์ของผู้ใช้บริการถูกลักไป จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้มาใช้บริการ ห้างๆ ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ใช้บริการ”

(อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 5800/2553) เมื่อมีคำพิพากษาศาลฎีกาออกมาอย่างนี้ หลายห้างฯ ได้มีแนวทางแก้ไข (รึเปล่า ?) โดยยกเลิกการใช้บัตรจอดรถ และหันมาใช้กล้องวงจรปิดแทน โดยปิดประกาศว่าจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญหายหรือเสียหายใด ๆ แก่ทรัพย์สินของผู้มาใช้บริการ ซึ่งศาลฎีกาก็ได้มีคำวินิจฉัยถึงความรับผิดชอบของห้างฯ ในกรณีนี้โดยสรุปว่า

  1. ห้างสรรพสินค้าได้ขายปลีกและขายส่งสินค้าอุปโภคและบริโภค ย่อมต้องให้ความสำคัญด้านบริการต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการเกี่ยวกับสถานที่จอดรถซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของผู้ใช้บริการที่จะเข้าไปซื้อสินค้าหรือใช้บริการอื่นๆ หรือไม่
  2. แม้ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร จะกำหนดให้ห้างฯ ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารต้องจัดให้มีพื้นที่จอดรถเพื่ออำนวยความสะดวกแก่การจราจร แต่ห้างฯ ยังต้องคำนึงและมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้บริการทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน มิใช่ปล่อยให้ผู้ใช้บริการระมัดระวังหรือเสี่ยงภัยเอาเอง
  3. การที่ห้างฯ เคยจัดให้มีการแจกบัตรสำหรับรถของผู้ใช้บริการที่เข้ามาในห้างซึ่งเป็นวิธีการที่ค่อนข้างรัดกุม เพราะหากไม่มีบัตรผ่าน กรณีจะนำรถยนต์ออกไปจะต้องถูกตรวจสอบโดยพนักงานของห้างฯ แต่ขณะเกิดเหตุกลับยกเลิกวิธีการดังกล่าวโดยใช้กล้องวรจรปิดแทน เป็นเหตุให้คนร้ายสามารถเข้าออกลานจอดรถห้างฯ และโจรกรรมรถได้โดยง่ายยิ่งขึ้น
  4. แม้ห้างฯ จะปิดประกาศว่าจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญหายหรือเสียหายใด ๆ รวมทั้งการที่ผู้ใช้บริการก็ทราบถึงการยกเลิกการแจกบัตรจอดรถ แต่ยังนำรถเข้ามาจอดก็ตาม ก็เป็นเรื่องข้อกำหนดของห้างฯ แต่ฝ่ายเดียวไม่มีผลเป็นการยกเว้นความรับผิดในการทำละเมิดของห้างฯ ได้

(อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 7471/2556 และ 6616/2558)

  • สรุปคือ ไม่ว่าการเข้าไปใช้บริการและจอดรถในห้างสรรพสินค้า จะต้องใช้บัตรจอดรถหรือไม่ก็ตาม ห้างฯ ก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในความสูญหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของผู้มาใช้บริการเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เจ้าของรถก็ต้องใช้ความระมัดระวังรถของตนเช่นเดียวกัน เพราะหากสาเหตุที่รถหายนั้น เกิดจากความประมาทเลินเล่อของเจ้าของเอง เช่น ลืมบัตรจอดรถไว้ในรถ ทำให้คนร้ายขโมยรถไปได้ง่ายขึ้น แอดมินคิดว่าผลการตัดสินก็น่าจะเปลี่ยนไปเช่นกัน.

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button