สืบเนื่องจากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์คลิปโชว์วิธีการทำไอศกรีมไข่แข็ง โดยตอกไข่ไก่สด ๆ ลงในถังไอศกรีมของทางร้านชาบู ซึ่งทางร้านได้ออกมาชี้แจงว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ทำทัวร์ลงวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา แม้ว่าจะเจ้าของเฟซบุ๊กรายดังกล่าวจะลบคลิปแล้วก็ตาม
ล่าสุด (12 ก.ค. 66) อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้โพสต์เตือนภัยที่มาจากการรับประทานไอศกรีมไข่แข็ง ผ่านทางเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ว่าอาจทำให้ร่างกายติดเชื้อแบคทีเรียได้ ความว่า
“ระวังอันตรายจากการเอาไข่ดิบ มาทำไอติมไข่แข็ง
เมื่อวานนี้ มีข่าวเรื่องที่สตรีท่านหนึ่งไปถ่ายคลิป “ทำไอติมไข่แข็ง” ในร้านชาบู โดยเอาไข่ดิบ ตอกลงไปในกล่องไอศกรีมของร้าน ซึ่งเป็นหลุมไอศกรีมอยู่ แล้วละเลงไข่จนเต็มหน้าถังไอศกรีม แม้ว่าเพื่อนจะเตือน ก็ไม่สนใจ ทำต่อไปจนเสร็จ
ภายหลังที่คลิปถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีเสียงแสดงความไม่เห็นด้วยจากชาวเน็ตจำนวนมาก ทั้งในเรื่องความไม่สะอาด อันตรายจากเชื้อโรคที่มากับไข่ดิบ และการไม่รักษามารยาททางสังคม ที่ไอศกรีมกล่องนั้นก็มีลูกค้าคนอื่นมาทานเช่นกัน อาจจะแพ้ไข่ได้ด้วย
ล่าสุด ทางร้าน “ควันฉุย ชาบูฮาลาล ตรัง” ได้ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า ทางร้านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง วันเกิดเหตุน่าจะเป็นช่วงลูกค้าเยอะ พนักงานอาจจะดูแลไม่ทั่วถึง ทางร้านให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดเสมอ เมื่อพนักงานเช็กตู้ไอศกรีม แล้วเจอคราบสกปรก ทางร้านก็รีบเปลี่ยนถังใหม่ทันที
เลยจะขอเอาคำเตือนเกี่ยวกับเรื่อง “เอาไข่ดิบ มาทำไอติมไข่แข็ง” มาฝากกันครับ ว่าอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ มีตัวอย่างมาแล้ว ว่าถ้าทำอย่างไม่ถูกต้อง ไม่สะอาด ไม่ได้มาตรฐานเพียงพอ ก็อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
#ไอติมไข่แข็งคืออะไร
ไอติมไข่แข็งหรือไอศกรีมไข่แข็ง เป็นไอศกรีมกะทิทั่วไป แต่จะเพิ่มความมัน ความหอม และหวาน ด้วยการตอกไข่แดงสดๆ ลงไปคลุกกับในถัง จนเนื้อไข่แข็งผสมอยู่เข้ากับเนื้อไอศกรีม จนได้เนื้อสัมผัสเข้มข้น
แต่ไข่แดงนี่เอง ที่นอกจากจะเป็นตัวเอกสำคัญในถ้วยแล้ว ยังอาจเป็นตัวร้ายที่ทำท้องเสียได้เช่นกัน
#อันตรายจากไข่ดิบ
การทานไข่ดิบ จำเป็นที่จะต้องระมัดระวังว่าไข่ดิบที่ร้านอาหารใช้นั้น มีการควบคุมมาตรฐานความสะอาดและคุณภาพตั้งแต่ในฟาร์ม เพื่อหลีกเลี่ยงโรคติดเชื้อแบคทีเรีย Salmonella แซลโมเนลลา ที่ทำให้เกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ ถ่ายเหลว และหายยากได้
#โรคติดเชื้อจากแซลโมเนลลา
เป็นโรคติดเชื้อจากแบคทีเรียที่ชื่อ แซลโมเนลลา มักปนเปื้อนในอุจจาระของสัตว์ แม้เราจะไม่ได้ทานอุจจาระของสัตว์ก็ตาม แต่เชื้อดังกล่าวนี้ก็สามารถปนเข้ามาในอาหารได้เหมือนกัน หากพื้นที่เลี้ยงไม่มีความสะอาดเพียงพอ
อาการติดเชื้อของแบคทีเรียซาลโมเนลลา พบบ่อยอันดับต้นๆ ประมาณ 94 ล้านคนทั่วโลก ทำให้ปวดท้อง ท้องเสีย อุจจาระอาจมีเลือดปน อาเจียน ปวดศีรษะ เป็นไข้หนาวสั่น ส่วนใหญ่จะมีอาการภายใน 6 ชั่วโมงไปจนถึง 3 วัน ซึ่งอาจหายได้เอง หรืออาจเป็นหนักถึงขั้นพบแพทย์เฉพาะทาง
การทานไข่ดิบในไอศกรีมไข่แข็ง ก็มีความเสี่ยงทำให้ติดเชื้อแบคทีเรีย Salmonella ได้ หากกระบวนการทำฟาร์มไข่ไก่มีการควบคุมมาตรฐานความสะอาดไม่ดี โดยเชื้อนี้จะเข้าไปปนในไข่ตั้งแต่ยังไม่มีเปลือก หรืออาจปนเปื้อนที่ผิวเปลือกไข่ได้เลย (ไก่ มีช่องวางไข่ ช่องเดียวกับทวารหนัก) เมื่อถูกนำมาใช้ปรุงอาหารแบบไม่ผ่านความร้อน ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสรับเชื้อเข้าไปได้
#วิธีป้องกันโรคติดเชื้อจากแซลโมเนลลา
สำหรับวิธีป้องกันโรคติดเชื้อซาลโมเนลลา อาจต้องเลี่ยงอาหารที่ใช้ไข่ดิบ (ดังเช่นที่เอามาทำไอติมไข่แข็ง) แต่ถ้าหากอยากทานจริงๆ แนะนำให้เลือกทานไข่ที่มาจากแหล่งผลิตและร้านอาหารที่ได้มาตรฐาน
รวมถึงการล้างมือบ่อยๆ ไม่เอามือจับปาก อย่าเอาอาหารทิ้งไว้นอกตู้เย็น ก็จะช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคได้
สุดท้าย ขอเสริม #ตัวอย่าง ของการที่กินไอติมไข่แข็งเข้าไปแล้วไม่สบายกัน ตามที่ เพจเฟซบุ๊ก “@Health online by หมอเฉพาะทางโรคทางเดินอาหารและตับ” ได้เคยโพสต์เตือนอันตรายเอาไว้ (https://www.facebook.com/Healthonlinebygidoctor/posts/167263592544233?ref=embed_post) โดยระบุว่า
คนไข้คนหนึ่งมาโรงพยาบาลด้วย ไข้สูง ปวดเกร็งท้องมาก คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลวหลายสิบครั้ง ฉีดยาแก้ปวดท้อง อาการไม่ทุเลา ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ พบลำไส้อักเสบและบวมมาก ต้องได้ยาฆ่าเชื้อทางหลอดเลือด
สรุปตรวจเจอเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Salmonella (แซลโมเนลล่า) ลองถามประวัติคนไข้ย้อนหลัง ว่ามีไปทานอะไรมาบ้างในช่วงนี้ คนไข้บอกว่าทานไอติมไข่แข็ง (ไข่แดงดิบๆ ) คนที่ไปทานด้วยกัน ก็มีอาการคล้ายกัน และต้องนอนที่โรงพยาบาลเหมือนกัน”
ท่ามกลางกระแสลบจากชาวเน็ตที่มองว่าร้านควรเรียกค่าเสียหายจากหญิงสาวรายนี้ เหมือนกับกรณีของวัยรุ่นเลียขวดซอสโชยุ เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่ทำให้คนอื่นเสี่ยงภัยได้รับเชื้อโรคปนเปื้อน
