ข่าว

ฝากขัง ‘ไอ้แจ๊บ’ ถูกญาติชกใส่เต็มหน้า เจ้าตัวซัดทอด ‘มิ้นต์’ เอี่ยวด้วย

ตำรวจทำการฝากขัง ไอ้แจ๊บ ผู้ต้องหาฆ่าเด็ก 12 ปี ถูกญาติผู้ตายชกใส่เต็มหน้า ก่อนที่ไอ้แจ๊บซัดทอดว่า ‘มิ้นต์’ แฟนสาวเอี่ยวด้วย

ต.ท.พิพัฒน์พงศ์ เพิ่มพูน สว.(สอบสวน) สน.บางเขน นำตัวนายยุทธนา หรือ แจ๊บ จอมโหด ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้ไม้เบสบอลฟาดลูกเลี้ยง 12 ปี ออกจากห้องขังมาพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยนายยุทธนายังคงนิ่งเงียบและปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชน ได้แต่พยักหน้าและบอกว่าความรู้สึกผิดที่ลงมือก่อเหตุไป

Advertisements

ในระหว่างที่กำลังควบคุมตัวไอ้แจ๊บ ไปทำการสอบสวน ได้มีญาติของน้องใหม่ที่เดินทางมาจากจังหวัดอุทัยธานี ที่ยืนดักอยู่ระหว่างทางเดินบนโรงพักได้ตรงเข้าไปชกหน้า 1 ครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้าห้ามปราม และนำตัวนายยุทธนากลับเข้าไปในห้องขังก่อน ก่อนนำตัวญาติผู้เสียชีวิต ดำเนินคดีทำร้ายร่างกาย ก่อนเปรียบเทียบปรับ 500 บาท พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและปราบปราม มาคุมสถานการณ์เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งกันอีก

ขณะเดียวกัน น.ส.ตรีรัตน์ หรือจอย มารดาของด.ญ.ได้เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับ นายยุทธนาและน.ส.นิรมล หรือมิ้นต์ ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายให้ผู้อื่นจนถึงแก่ความตายและปิดบังอำพรางศพ แยกอีกสำนวน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) เพิ่มอีก 1 ข้อหา

ต่อมาเวลาประมาณ 11.00 น. พ.ต.ท.พิพัฒน์พงศ์ได้คุมตัวนายยุทธนาออกจากห้องขัง ขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขังของ สน.บางเขน นำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก

โดยระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่ในรถ นายแจ๊บ กล่าวว่า วันเกิดเหตุมิ้นต์มีส่วนร่วมทำร้ายร่างกายน้องด้วย หลักฐานทั้งหมดอยู่ที่กล้องวงจรปิด ซึ่งอยู่ที่ตำรวจทั้งหมดแล้ว พร้อมบอกว่าสาเหตุที่ตีน้องเพราะมีพฤติกรรมแบบนี้หลายครั้ง และก่อนเกิดเหตุก็ไม่ได้ทะเลาะอะไรกับมิ้นต์แค่นั่งคุยกันเฉยๆ ที่ตีไปหลายครั้งเพราะน้องชอบท้าทาย รู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอโทษทุกคนด้วย

มิ้นต์ เมียแจ๊บ เข้ารับทราบ 3 ข้อกล่าวหา ก่อนตำรวจปล่อยตัว นัดฝากขัง 7 ก.ค.

Advertisements

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button