เรื่องวุ่น ๆ วัยรุ่นเสาไฟ อายไหม! “อลิซ เดกราดี” นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง ทีมชาติอิตาลิ โพสต์ภาพเช็คอินกรุงเทพ เผยรูปเสาไฟฟ้าสายพันรุงรังตามท้องถนน หลังจากที่เดินทางถึงประเทศไทยเมื่อ วันอังคารที่ 20 มิถุนายน 2566 เพื่อลงแข่งขัน ในสนามที่ 3 พร้อมแคปชั่นชวนปั่น
เปิดประเด็นเที่ยวไทยฉบับอินไซด์กับ “อลิซ เดกราดี” (Alice Degradi) นักวอลเลย์บอลหญิง หมายเลข 2 ตำแหน่งหัวเสา อายุ 27 ปี ประจำกลุ่มที่ 6 ทีมชาติประเทศอิตาลี ได้โพสต์คลิปภาพเสาไฟฟ้าสายเคเบิลรุงรัง ระโยงระยางสุดวายป่วงในกรุงเทพมหานครฯ ผ่านไอจีสตอรี่ส่วนตัว @alice.degradi
หลังจากที่เจ้าตัวและสมาชิกทีมอิตาลีคนอื่น ๆ ได้เดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อเตรียมตัวรลงแข่งเนชั่นลีกสัปดาห์ที่ 3 (VNL 2023) พบกับวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติบราซิล ณ สนามกีฬา อินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก ในวันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2566 เวลา 20.30 น.
ทั้งนี้ ภายในคลิปภาพบนไอจีสตอรี่ขอ “อลิซ เดกราดี” ดังกล่าวก็ได้โพสต์เป็นรูปสายเคเบิลจากเสาไฟฟ้าอันแสนวุ่นวายแห่งหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นกรุงเทพฯ ก็ได้มีข้อความเล็ก ๆ ระบุไว้ด้านท้ายว่า
“Una volta mi è stato detto che basta guardare i tralicci per capire l’anima di una città.”
แปลเป็นภาษาไทยประมาณว่า “มีคนเคยบอกฉันว่าการมองดูเสาก็เพียงพอแล้วเพื่อทำความเข้าใจจิตวิญญาณของเมืองนี้” หรือพูดง่าย ๆ ว่าภาพเสาไฟพันกันรุงรังคือสัญลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยวนั่นเอง เรียกว่าไม่ต้องแสดงความคิดเห็นรุนแรง เพียงแต่จิกกัดด้วยข้อความประชดประชันก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ใหญ่บ้านเราสะเทือนเก้าอี้ไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตาม การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวของสาว อลิซ เดกราดี ไม่ได้น่าประหลาดใจเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีนักท่องเที่ยว รวมถึงบรรดานักแสดงคนดังในวงการฮอลลีวู้ด ตกใจกับภาพเสาไฟฟ้าในประเทศไทยกันอย่างมากมาย และประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ทั่วโลก ต่างก็นำเสาไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลมุดลงดินเพื่อให้เกิดทัศนียภาพและความปลอดภัยแก่ประชาชนบนท้องถนนนั่นเอง
อายไหมไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ภาพเสาไฟฟ้าในประเทศไทยก็ได้กลายเป็นมีมแห่งความวุ่นวายหรือสัญลักษณ์ของประเทศไทยในสายต่างนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นที่เรียบร้อย
ทว่าภายใต้เรื่องราวชวนแปลกในประเทศไทย ก็ยังมีภาพดี ๆ จากมุมมองของ “อลิซ เดกราดี” บ้างเหมือนกัน เพราะเธอยังได้ลงรูปแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในประเทศไทย อาทิ วัดอรุณ (วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร) และภาพอาหารไทยในภัตรคารแห่งหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่คนไทยได้มีโอกาสนำเสนอวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์แก่ผู้มาเยือนชาวต่างชาติ
อ้างอิง : @alice.degradi
