ย้อนรอย กกต. เคยติดคุกมาแล้ว ! เหตุจัดเลือกตั้งไม่สุจริต ช่วยเหลือพรรคการเมือง
ย้อนอดีต กกต. จัดการเลือกตั้งจนติดคุก เปิดหน้าประวัติศาตร์การเมืองไทย ปี 2549 พาเปิดรายชื่อคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง ที่เคยต้องคำพิพากษาจำคุก เมื่อปี พ.ศ. 2549 ยุครัฐบาลไทยรักไทย ที่มี ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี จัดการเลือกตั้งโดยไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม ช่วยเหลือพรรคการเมือง
วันที่ 13 มิถุนายน 2566 ช่วงเวลาซึ่งเปรียบได้กับรอยต่อการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ที่ ณ เวลานี้ หลาย ๆ ประเด็นดูคลุมเคลือและมีข้อขัดแย้งให้ถกเถียงกันได้ตลอด ไม่เว้นแม้กระทั่งบทบาทหน้าที่การทำงานของคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง หรือ “กตต.” เอง ซึ่งมีการตั้งข้อสงสัยจากภาคประชาชนที่ว่า กกต.ชุดนี้ปฏิบัติหน้าที่โดยโปร่งใสมากน้อยเพียงใด
หลักฐานที่ตอกย้ำข้อสงสัยดังกล่าว ดูได้จากกระแสบนโลกออนไลน์ซึ่งพากันติด #กกตมีไว้ทำไม , #กกตควรติดคุก ชนิดเกลื่อนหน้าฟีดไม่บันยะบันยัง แถมระลอกล่าสุดก็ยังมิวายโดนจับตามองถึงกรณีการถือหุ้นบมจ.ไอทีวี ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดกตนายกฯ พรรคก้าวไกล ที่กำลังถูกร้องเรียนตีความว่าเป็นหุ้นสื่อและอาจทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. และนายกรัฐมนตรี
ประเด็นหลังนี้ มีการเปิดรายละเอียดถึงขั้นที่ว่า ถ้า กกต. สอยพิธาเรื่องถือครองหุ้นไอทีวี ITV ปมนี้อาจส่งผลถึงขั้นทำกกต. ชุดล่าสุดนี้ติดคุกกันไม่น้อยจำนวนปีกันเลยทีเดียว และจะไม่ใช่ครั้งแรกที่คณะจัดการเลือกตั้งต้องโทษจำคุก เพราะย้อนกลับไปก่อนหน้านี้เมื่อ 17 ปีก่อน ประธานและผู้ใต้บังคับบัญชาอีก 3 ราย ต่างต้องโทษมีคดีติดตัวกันมาแล้ว
- พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ (ประธาน กกต.)
- นายปริญญา นาคฉัตรีย์
- นายวีระชัย แนวบุญเนียร
- พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ
4 รายชื่อข้างบนคือ รายนามของคณะกรรมการกกต. จำนวน 4 คน ที่ต้องถูกศาลตัดสินจำคุกมาแล้ว ในเหตุการณ์การเมืองยุควิกฤต ปี 2549
โดยคดีดังกล่าว นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา ประธานกกต.และลิ่วล้ออีก 3 ราย ร่วมกันเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 มาตรา 24 และ มาตรา 42
สืบเนื่องจากกรณี กกต.ทั้ง 3 คน ได้ร่วมกันจัดการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตรอบใหม่ เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2549 โดยไม่มีอำนาจ และออกหนังสือเวียนถึง ผอ.กต.เขตเลือกตั้ง ให้รับผู้สมัครที่ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งไม่ถึงร้อยละ 20 เปลี่ยนเขตลงสมัครในรอบใหม่ อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้สมัครรายเดิมเวียนเทียนลงรับสมัครเลือกตั้งรอบใหม่ เพื่อช่วยให้ผู้สมัครรายเดียวพรรคไทยรักไทย หลีกเลี่ยงเกณฑ์ ร้อยละ 20
คดีนี้ ศาลอาญาพิพากษาว่าจำเลย (กกต.) จัดการเลือกตั้งโดยไม่สุจริต และไม่เที่ยงธรรม ช่วยเหลือพรรคไทยรักไทย ให้จำคุก กกต.ทั้ง 3 คน (เว้น พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ เนื่องจากการถอนฟ้อง เพราะได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว) คนละ 4 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
โดยส่งตัวตั้ง 3 คนไปที่ เรือนจำลาดยาว หลังจากนั้น 3 วันจึงได้ประกันตัวออกมาสู้คดี ในชั้นฎีกาพิพากษากลับ ยกฟ้อง กกต.ทั้ง 2 คน (เว้นนายวีระชัย แนวบุญเนียร ซึ่งเสียชีวิตระหว่างต่อสู้คดี) เพราะพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายถาวร เสนเนียม ซึ่งเป็นโจทก์ ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงที่จะฟ้องจำเลยได้ ซึ่งเมื่อวินิจฉัยดังนี้จึงไม่ต้องวินิจฉัยข้อปัญหาอื่นอีกต่อไป
ต่อมา ในวันที่ 3 มิถุนายน 2559 กกต.ที่เหลือ 2 คน ต้องคำพิพากษาศาลฎีกา ให้จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงโทษ จากกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ฟ้องร้องในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการดำเนินการกับพรรคไทยรักไทย จากกรณีจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง พล.ต.อ.วาสนา และนายปริญญา ได้พ้นจากเรือนจำเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2560 จากผลการพิจารณาพักการลงโทษนักโทษเด็ดขาด ของกรมราชทัณฑ์ ดังนั้น กกต.ชุดพล.ต.อ.วาสนา ถูกจำคุกเป็นเวลาทั้งสิ้นประมาณ 1ปี 6 เดือน
ทั้งนี้ พล.ต.อ. วาสนา เคยกล่าวเปิดใจไว้เมื่อกว่า 10 ปีก่อน สมัยที่ยังมีอำนาจว่า ตัวเขาและ กกต. ถูกใช้เป็น “แพะบูชายัญ” ของการต่อสู้เอาชนะคะคานกันทางการเมือง.
ขอบคุณข้อมูล : @thaipublica, ประชาไท