ย้อนความหลัง… ครบรอบ 13 ปี วันสุดท้าย เหตุการณ์สลายชุมนุมที่แยกราชประสงค์ พ.ศ. 2553 หลังยื้อกันอยู่นาน ก่อนปิดฉากด้วยเหตุนองเลือด เสียชีวิตรวมเกือบร้อยศพ
นับเป็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่ยากจะลืมเลือน สำหรับการสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ในช่วงวันที่ 7-19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 หรือที่เรียกกันว่า สลายชุมนุมเสื้อแดง (นปช.) จนหลายคนขนานนามว่าเป็นการสังหารหมู่ประชาชนครั้งใหญ่ กลางกรุงเทพมหานคร จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความรุนแรงของการเมืองไทยนานจนถึงปัจจุบัน
ย้อนกลับไปในช่วงปลายปี 2552 ได้มีการชุมนุมประท้วงเพื่อต่อต้านรัฐบาลของ นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยหวังให้มีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ ก่อนที่รัฐบาลจะส่งกองกำลังพร้อมอาวุธสงคราม เข้าปิดล้อมกลางกรุงตั้งแต่วันที่ 7 – 19 พฤาภาคม 2553
กระทั่งในวันสุดท้ายของการปิดล้อม ซึ่งตรงกับวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 หรือราว 13 ปีก่อน ได้มีการสลายการชุมนุมเกิดขึ้น โดยใช้อาวุธและรถหุ้มเกราะทำลายสิ่งกีดขวาง ทำให้เกิดการปะทะขึ้นอย่างรุนแรงตั้งแต่ช่วงเช้า จนนำไปสู่การเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย
ทั้งนี้ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ประเทศไทยได้สูญเสีย พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล (เสธ.แดง) จากการลอบยิง อีกทั้งยังมีคนสังเกตเห็นกำลังพลบางส่วน ยืนอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอสพร้อมอาวุธ ทำให้เกิดความแตกตื่น และกลายเป็นภาพไวรัลที่ยังคงถูกแชร์อยู่จนถึงปัจจุบัน
ก่อนที่ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน แกนนำนปช. ได้ประกาศยุติการชุมนุม และเดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย จตุพร พรหมพันธุ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, วิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ปิดฉากการชุมนุมเสื้อแดงแยกราชประสงค์
หลังจากทุกอย่างยุติ พบว่าในการสลายการชุมนุมครั้งนี้ ได้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 94 ราย (อ้างอิงจาก ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม) ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์การสูญเสียครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของการเมืองไทยเลยทีเดียว.
