สรุปดราม่า #ซอกัญชา มหากาพย์หย่าสามีเพราะกัญชา โป๊ะแตกเคยเป็นมิจฉาชีพ
กลายเป็นแฮชแท็กร้อนในโลกทวิตเตอร์ไม่แพ้แฮชแท็กการเมืองเรื่องอื่น ๆ เลยสำหรับ #ซอกัญชา ที่มีผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ชื่อว่า @nekosorso หรือ ซอ ทวิตบอกเล่าเรื่องราวปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับสามี โดยมีการเปิดเผยว่าสามีของตนนั้นติดกัญชาจึงทำให้สนับสนุนนโยบายกัญชาของพรรคหนึ่ง ซึ่งมีแนวคิดต่างจากตนที่เลือกพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย
แต่เรื่องราวไม่จบแค่เพียงความเห็นต่างทางการเมือง เพราะทางเจ้าของบัญชี @nekosorso ยังแฉพฤติกรรมของสามีที่มีการทำร้ายร่างกายเนื่องจากเมาน้ำกระท่อมและใบกัญชาอีกด้วย นำไปสู่การขอเลิกและการฟ้องหย่า ทว่าต่อมาในภายหลังชาวเน็ตเริ่มจับพิรุธได้ว่าเจ้าของบัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าวอาจกุเรื่องเท็จเพื่อเรียกยอดเอนเกจเมนต์ นำไปสู่การเปิดโปงเรื่องราวสุดพีค
ทั้งนี้สำหรับใครที่ตามเทรนด์ #ซอกัญชา ไม่ทัน เดอะไทยเกอร์ได้สรุปเรื่องราวดราม่าหวาน ๆ ฉ่ำ ๆ มาฝากทุกคนกันด้วย สามารถติดตามเลื่อนลงไปอ่านด้านล่างกันได้เลย
1. เมื่อช่วงวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ @nekosorso หรือ sor (ซอ) ได้ทำการทวิตข้อความบอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับสามีว่ามีแนวคิดทางการเมืองตรงข้ามกัน โดยสามีนั้นเลือกนักการเมืองที่มาจากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งนำเสนอนโยบายกัญชาเสรี ทำให้สามีที่ติดกัญชาและน้ำกระท่อมชื่นชอบและเทใจให้ในวันเลือกตั้ง ทั้งนี้เรื่องราวดังกล่าวเป็นที่รับรู้ของชาวทวิตเตอร์ได้เนื่องจากซอติดแฮชแท็ก #เลือกตั้ง66
2. ไม่เพียงแค่ซอเท่านั้นที่ต้องเลิกกับสามี แต่ซอยังเล่าอีกด้วยว่านโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทยทำให้เพื่อนของเธอต้องเลิกกับแฟนเช่นกัน และหลังจากที่ซอได้นำเรื่องราวของสามีมาแฉในโลกทวิตเตอร์ได้ไม่นาน ด้านสามีก็จับได้และโกรธซอเป็นอย่างมากที่ทำให้ภาพลักษณ์ของตนเสื่อมเสีย จึงมีการส่งข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กข่มขู่ซอด้วยความแค้นเคือง
3. แม้จะถูกสามีขู่ฆ่าแต่ซอก็ไม่หวั่น เธอเดินหน้าเข้าแจ้งความกับตำรวจ แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวันให้เท่านั้นโดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องทะเลาะเบาะแว้งของสามีภรรยา นอกจากนี้ซอก็ได้เล่าเรื่องราวเพิ่มเติมด้วยว่ามีการนัดหมายแม่ของสามีเพื่อให้พาไปเซ็นใบหย่า อีกทั้งฝ่ายซอก็ยังข่มขู่สามีกลับไปด้วยว่าหากมีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นตนจะประจานว่าสามีทำงานเว็บพนันออนไลน์ และจะฟ้องหย่าด้วย
4. ต่อมาไม่นาน ซอก็ได้ลงรูปภาพข้อความแชตระหว่างตนเองกับสามี โดยมีเนื้อหาว่าสามีส่งข้อความมาขอโทษและไม่ให้ซอฟ้องหย่า ส่วนที่เคยข่มขู่ก่อนหน้านี้เพราะได้อ่านเรื่องราวของตนที่โดนแฉในทวิตเตอร์แล้วโมโห ประกอบกับขณะนั้นอยู่ในสภาวะที่เพิ่งเสพกัญชามา จึงทำให้บันดาลโทสะ ซึ่งทางซอเองก็กล่าวว่าจะไม่มีวันให้อภัยกับพฤติกรรมแย่ ๆ ของสามีเด็ดขาดแม้จะตายจากกันไปแล้วก็ตาม
5. หลังจากเรื่องราวของซอถูกตีแผ่ในโลกทวิตเตอร์ก็มีชาวเน็ตจำนวนมากที่เห็นใจเธอและพากันเข้ามาส่งแรงเชียร์ให้ซอผ่านพ้นช่วงเวลาเลวร้ายของชีวิตไปได้ และขอให้เธอรอดพ้นปลอดภัยจากสามี แต่เพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้นก็มีชาวเน็ตหลายคนเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่ซอเล่ามาทั้งหมดอาจเป็นเรื่องแต่ง เนื่องจากมีคนออกมาเปิดเผยว่าชื่อ “ซอ” ที่มาจาก “ซอโซ่” ซึ่งมีจริงว่า “คริษฐา” แต่เดิมแล้วเธอชื่อ “หยก-ปรมาภรณ์ หอยสังข์” เป็นผู้ที่มีประวัติการโกงเงินในโลกออนไลน์มาก่อน
6. ชาวเน็ตเริ่มสงสัยและขุดคุ้ยประวัติของซอมากขึ้น ทำให้รู้ว่าซอมีพฤติกรรมแต่งเรื่องและหลอกโกงเงินมานานแล้ว โดยตัวซอนั้นเป็นเพียงเยาวชนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มักจะสร้างบัญชีทวิตเตอร์มาแล้วทำการแต่งเรื่องเกาะกระแสต่าง ๆ ในโลกออนไลน์ เมื่อกลายเป็นคนมีชื่อเสียงและยอดผู้ติดตามระดับหนึ่งก็จะทำการขายบัญชีทวิตเตอร์ทิ้งไป โดยล่าสุด (17 พ.ค. 66) หลังซอถูกจับโป๊ะได้ว่าแต่งเรื่องก็ทำการลบบัญชีทวิตเตอร์ทิ้งในทันที
สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวเน็ตหลายคนรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เพราะมีคนที่เป็นห่วงซอและพร้อมช่วยเหลือซอให้รอดพ้นจากสามีจริง ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างที่ซอทวิตเป็นเพียงคอนเทนต์เรียกยอดฟอลยอดรีทวิตเท่านั้น ทั้งนี้ชาวเน็ตหลายคนก็ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่าการที่ซอมักจะแต่งเรื่องราวหลาย ๆ อย่างลงในโลกทวิตเตอร์นั้นอาจจะเนื่องมาจากการที่เธออ่านนวนิยายเยอะเกินไปก็เป็นได้
นอกจากนี้เรื่องเล่าของซอยังส่งผลกระทบต่อหลาย ๆ องค์กรด้วย ซึ่งในอนาคตเจ้าของบัญชีทวิตเตอร์รายนี้อาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้ อย่างไรก็ตาม #ซอกัญชา ก็ถือเป็นหนึ่งในอุทาหรณ์สอนใจชาวเน็ตหลายคนให้วิเคราะห์เรื่องราวต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในโลกโซเชียลให้ดีเสียก่อนจึงค่อยตัดสินใจว่าจะเชื่อข้อมูลเหล่านั้นหรือไม่ เพราะบางคนอาจทำไปเพียงเพราะต้องการยอดเอนเกจเมนต์ หรือมีวัตถุประสงค์ในทางที่ไม่ดีก็เป็นได้