ข่าวภูมิภาค

ผู้บริหารโรงแรมที่ป่าตอง ควงทนายเข้าแจ้งความเอาผิดทหาร

ผู้บริหารโรงแรมที่ป่าตอง ควงทนายเข้าแจ้งความเอาผิดทหาร / อดีตพนักงาน กักขังหน่วงเหนี่ยว / แจ้งความเท็จ เตรียมแจ้งความเพิ่ม ทั้งแพ่งอาญา เรียกค่าเสียหายกว่า 100 ล้าน ยืนยันไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล พร้อมเผยตรวจสอบข้อมูลพบอดีตพนักงานให้ข้อมูลไม่จริง ถูกจับคดียาเสพติดแต่แจ้งถูกกักตัวที่ด่านตรวจฯ ยังปฏิเสธเรื่องคลิป

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ ( 7 เม.ย.) ที่สถานีตำรวจภูธรป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายวิศิษฐ์ เอี่ยววิโรจน์ฤทธิ์ กรรมการบริหาร บริษัทป่าตอง พารากอน จำกัด พร้อมด้วย นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความส่วนตัว และ ทีมทนายความ เข้าเข้าพบกับ พ.ต.ท. วัชรพงศฺ พรายพรรณ รองผู้กับการ (สอบสวน) สภ.ป่าตอง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่รัฐ และอดีตพนักงานโรงแรม ใน 2 ข้อหา คือกักขังหน่วงเหนี่ยว และ แจ้งความเท็จ

Advertisements

โดยนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ กล่าวก่อนที่จะเข้าแจ้งคามร้องทุกข์ ว่า หลังจากมีการโพตส์คลิป กรณีทหารเข้าไปในโรงแรมป่าตองพารากอน เมื่อวันที่ 27 ที่ผ่านมา จนมีการให้ข่าวและแถลงข่าวพาดพิงให้ลูกความของตนได้รับความเสียหาย ทางตนและลูกความจะแจ้งความดำเนินคดีกับทุกคนทั้งคดีแพ่งและอาญาซึ่งขณะนี้สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้แล้ว 80 % ซึ่งการแจ้งความดำเนินคดีในครั้งนี้จะเรียกร้องค่าเสียหามากกว่า 100 ล้านบาท

สำหรับการแจ้งความวันนี้ เป็นการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทุกคน และอดีตพนักงานคนดังกล่าว ข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง หลักฐานกล้องวงจรปิดชัดเจน ตนต้องการให้ขึ้นศาลพลเรือน ไม่ขึ้นศาลทหาร เพราะไม่ไว้ใจ ส่วนกรณีมีการไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมฯ ก็จะมีการแจ้งความ ว่า เป็นการแจ้งความเป็นเท็จ ตามมาตรา 137 ที่ สภ.เมืองภูเก็ต และ จะไปแจ้งความที่ สภ.เชิงทะเล ตามมาตรา 172, 173, 174 วรรค 2 และ หากมีการตรวจสอบพบคำให้สัมภาษณ์ที่ทำให้เกิดความเสียหายก็จะแจ้งความคดีแพ่งต่อไป

นายอนันต์ชัย กล่าวต่อไปว่า ประเด็นของเรื่องนี้เกิดขึ้น เมื่อมีการปล่อยคลิปเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561 ซึ่งมีนายทหารและทหารกลุ่มหนึ่งเข้าไปในโรงแรม โดยคนที่เผยแพร่คลิปได้ระบุข้อความกล่าวหาว่ามีการรีดไถ ทำให้สังคมโซเชี่ยล สนใจ ทางกองทัพภาคที่ 4 และกองอำนวยการรักษา ความมั่นคงภายในภาค 4 ได้ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ และในการแถลงข่าวบางช่วงบางตอนทำให้ลูกความตนได้รับความเสียหาย และลูกความตนไม่ได้มีเรื่องกับกองทัพแต่เป็นเพียงเฉพาะคนบางกลุ่ม เท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย ในส่วนของคลิปที่ออกมานั้นบางคลิปมีการพาดพิงถึงนายวิศิษฐ์ ซึ่งกำลังดูว่าเข้าข่ายทำผิดกฎหมายหมิ่นประมาทหรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ถ้าเข้าข่ายก็จะมีการแจ้งความเพิ่มเติม

ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ถูกย้ายไปช่วยราชการ หลังจากเกิดเรื่องนั้น ตนพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือ เพราะว่าเป็นจริงแล้วตำรวจสายตรวจทั้ง 2 นาย ไม่ได้เป็นผู้ติดตามลูกความของตน วันที่เกิดเหตุทางพนักงานโรงแรมโทรศัพท์ไปชวนให้ตำรวจทั้ง 2 คน ซึ่งออกเวรแล้วไปทานกาแฟที่โรงแรมเท่านั้น ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรม ตำรวจบางคนไม่รู้เรื่อง แต่ต้องถูกย้าย ตนจึงอยากช่วยเหลือในจุดนี้

นายอนันต์ชัย ยังได้กล่าวต่อไป ว่า โรงแรมป่าตองพารากอน มีความขัดแย้งกันทางธุรกิจ มีการฟ้องร้องกันอยู่ระหว่างผู้ถือหุ้น เป็นคดีอาญาและคดีแพ่ง อยู่ที่ศาลจังหวัดภูเก็ต และศาลจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเรื่องนี้จะไม่ลงในรายละเอียด แต่จากการฟ้องร้องทำให้มีเรื่องเกิดขึ้นโดยเมื่อ“ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ได้มีการติดต่อจากทหารหน่วยหนึ่ง มาที่วิศิษฐ์ฯ เพื่อเจรจารวมทั้งส่งทหารเข้ามา ซึ่งมีรายชื่อทั้งหมดแล้ว แต่ครั้งนั้นได้มีผู้ใหญ่มาช่วยเคลียร์จนจบ และ บอกว่าจะไม่ยุ่งแล้ว และ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของศาลตามปกติ

Advertisements

แต่ปัญหาภายในที่เกิดขึ้นยังไม่จบ เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่ รวมถึงอดีตพนักงานที่ถูกให้ออก ไม่ใช่พนักงานของลูกความตน โดยพนักงานดังกล่าว มีตำแหน่งรักษาการผู้ช่วยแผนกบุคคล แต่ให้ออกเนื่องจากขาดงานติดต่อ 6 วัน วันที่ 25-31 ธันวาคม 2560 ต่อจากนั้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2561 โดยอ้างว่า ถูกกักตัวอยู่ที่ด่านปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ก่อนจะถูกส่งตัวมาไปยัง โรงพยาบาล ม.อ.หาดใหญ่ จึงมาทำงานไม่ได้ และไม่สามารถนำหลักฐานมาแสดงได้ จึงได้มีการบอกเลิกจ้างในวันที่ 5 มกราคม 2561 เนื่องจากขาดงานเกิน 3 วัน ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน 2541 มาตรา 119 (5) ซึ่งสามารถให้ออกได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม

พร้อมทั้งได้ทำหนังสือถึงสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดภูเก็ตสอบถามเกี่ยวกับการไล่ออก ซึ่งได้คำตอบว่าได้ แต่หากมีการเจ็บป่วยจริงให้ไปต่อสู่ในศาล และมีสิทธิ์ห้ามมิให้เข้ามาในสถานประกอบการ หากฝ่าฝืนโดยไม่มีเหตุ อันควรหรือได้รับอนุญาต นายจ้างสามารถดำเนินการได้ตามสิทธิ์ของกฎหมาย

แต่ปรากฏว่าพนักงานคนดังกล่าวได้ไปหาหุ้นส่วนอีกคนและไม่ให้ออก ทำให้พนักงานยังมาทำงานอยู่ แต่ทางลูกความของตนได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ ในข้อหาบุกรุก ที่ สภ.ป่าตอง ส่วนพนักงานคนดังกล่าวได้ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ว่า ถูกกลั่นแกล้งและไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกข่มขู่ ทางศูนย์ดำรงธรรมได้ส่งเรื่อง ทาง บก.ควบคุม พล.ร.5 ตรวจสอบ จากนั้นมีทหาร 9 นาย มาตรวจค้นที่โรงแรม เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561 โดยไม่มีแจ้งหรือนัดหมายล่วงหน้า พร้อมอาวุธพกติดตัวตามคลิป และแจ้งว่าขอควบคุมตัวนายวิศิษฐ์ฯ โดยมีพนักงานคนดังกล่าวให้ความร่วมมือ ซึ่งมีภาพกล้องวงจรปิดบันทึกไว้ทั้งหมด และยังเข้าไปในสถานที่ต้องห้าม คือ ที่ส่วนบุคคล

ในการเข้ามานั้นได้มีการอ้างมาตรา 44 คำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 ข้อ 2 ให้เจ้าพนักงานเรียกบุคคลใดมารายงานตัวต่อเจ้าพนักงาน หากเป็นความผิดซึ่งหน้า ควบคุมตัวได้ทันที จึงตั้งคำถามว่า การที่นายวิศิษฐ์ฯ อยู่ในโรงแรม โดยไม่มีการแจ้ง และเข้ามาควบคุมตัว โดยใช้ข้อ 2(2) ไม่ใช่ความผิด ซึ่งทำได้หรือไม่ และยังไม่ได้ออกคำสั่งแม้แต่ฉบับเดียวแต่จู่โจมเข้ามา และ พกพาอาวุธปืนมาด้วย ในวันนั้นมีแขกโรงแรมจำนวนมาก และ ในคำสั่งดังกล่าวควบคุมตัวได้ไม่เกิน 7 วัน แต่นายวิศิษฐ์ฯ ไม่ยอม จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น และในมาตรา 9 เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องทำการโดยสุจริต ไม่กระทำโดยเกินกว่าเหตุหรือไม่

ส่วน คลิปที่มีการเผยแพร่ออกไปทางลูกความของตนไม่เกี่ยว และ ไม่ได้เป็นผู้เผยแพร่ ส่วนกรณีกล่าวหาว่านายวิศิษฐ์ฯ ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงแรม ว่า เป็นผู้มีอิทธิพลนั้น ได้สร้างความเสียหายอย่างมาก เพราะการให้พนักงานคนดังกล่าวออกนั้นได้ดำเนินการตามกฎหมายทุกขั้นตอน เคยใช้อิทธิพลข่มขู่เลย และที่สำคัญเพิ่งมีหนังสือจาก บก.พล.ร.5 เรียกนายวิศิษฐ์ฯ ไปให้ข้อเท็จจริง ว่ามีการร้องเรียนของประชาชนในจังหวัดภูเก็ต ให้ไปให้รายงานตัวที่หน่วยฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่โรงเรียนเชิงทะเลวิทยาคม อ.ถลาง ในวันที่ 11 เมษายน นี้ แต่ลูกความคงไม่ไป แต่จะ ไปร้องเรียนที่ คสช.ส่วนกลางแทน ถ้าจะไปก็ให้ย้ายทหารชุดนี้ออกไปก่อนเมื่อมีชุดใหม่เข้ามา ถึงจะไป

นายอนันต์ชัย กล่าวต่อไป นอกจากนั้นจากการตรวจสอบข้อมูล พบว่าพนักงานคนดังกล่าวที่บอก ว่า ถูกกักตัวที่ด่านปาดังเบซาร์ จ.สงขลา นั้นไม่ได้เป็นความจริง แต่จากการตรวจสอบพบว่าพนักงานคนดังกล่าว ถูกจับกุมตัวในข้อหายาเสพติด มีไว้เพื่อจำหน่าย ที่ สภ.เมืองภูเก็ต ซึ่งมีหลักฐานชัดเจน จึงอยากถามว่า ทางศูนย์ดำรงธรรมฯ และ ฝ่ายทหารไม่ทราบเลยหรือว่าพนักงานคนดังกล่าวถูกจับกุมในคดียาเสพติด ซึ่งในเรื่องนี้ต้องมีการชี้แจง เนื่องจากทางฝ่ายนายวิศิษฐ์ฯ เสียหายมาก และ อยากให้รู้ว่าลูกความตนไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล และเราทำตามขั้นตอนตามกฎหมายทุกประการ ซึ่งพนักงานดังกล่าวให้การเท็จ ปกปิดความจริงเรื่องนี้ใครโกหกกันแน่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button