ข่าวข่าวการเมือง

‘ประยุทธ์’ ห่วง สถานการณ์โควิด ยอดผู้ป่วยเพิ่ม ขอให้กลุ่มเสี่ยงรับวัคซีน

ประยุทธ์ ห่วง สถานการณ์โควิด ยอดผู้ป่วยเพิ่ม ขอให้กลุ่มเสี่ยง 608 รับวัคซีน คาดยอดผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วงหน้าฝน

นาย อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์โควิด 19 ในประเทศไทยขณะนี้ และรับทราบสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ภายในประเทศรายสัปดาห์ (วันที่ 16-22 เมษายน 2566) ตามรายงานของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ขอให้รีบเข้ารับวัคซีนที่สถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้านโดยเร็ว พร้อมสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขติดตามสถานการณ์โรคโควิด 19 และการระบาดของเชื้อสายพันธุ์โควิด XBB.1.16 อย่างใกล้ชิด

Advertisements

นายอนุชากล่าวว่า จากข้อมูลกรมควบคุมโรค ผู้ป่วยโควิด 19 ภายในประเทศสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 16 – 22 เมษายน 2566) พบผู้ป่วยรายใหม่ 1,088 ราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ผู้ป่วยปอดอักเสบ 73 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 35 ราย และผู้เสียชีวิต 5 ราย เฉลี่ยน้อยกว่า 1 คนต่อวัน ผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล สะสม 6,571 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566) ผู้เสียชีวิต สะสม 278 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566) ผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนกว่า 2 เท่า พบกระจายในหลายจังหวัดโดยเฉพาะเมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่น เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี เป็นต้น ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อในสมาชิกครอบครัว และการร่วมกิจกรรมที่รวมกลุ่มคนจำนวนมาก สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 5 ราย พบว่าเป็นกลุ่ม 608 อายุเฉลี่ย 75 ปี โดย 4 รายที่เสียชีวิตเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนมาก่อน และอีก 1 ราย ยังไม่ได้รับเข็มกระตุ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เมื่อติดเชื้อแล้วเกิดอาการรุนแรง ดังนั้น การฉีดวัคซีนหรือวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันจึงยังมีความจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 จะช่วยลดอาการหนักและเสียชีวิตได้ ส่วนผู้ที่มีปัญหาเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกัน สามารถฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป หรือ LAAB ได้เช่นกัน โดยติดต่อขอรับบริการได้ที่สถานบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้าน

นายอนุชายังกล่าวถึงกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขได้เผยข้อมูลของเชื้อโควิด XBB.1.16 ซึ่งเป็นลูกผสมของสายพันธุ์โอมิครอน BA.2.10.1 และ BA.2.75 ว่า การระบาดมีแนวโน้มพบเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการแพร่กระจายได้ดีกว่า XBB.1.5 ความสามาถในการหลบภูมิคุ้มกันได้ดี ยังไม่มีหลักฐานแสดงว่าทำให้โรครุนแรงขึ้น อาการที่พบคือ มีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก อาจพบเยื่อบุตาอักเสบ คันตา ตาเหนียวร่วมด้วย แต่ยังไม่มีข้อมูลชี้ชัดว่าอาการดังกล่าวเป็นลักษณะจำเพาะที่เกิดจากสายพันธุ์ XBB.1.16 ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขชี้แจงว่า กรณีเชื้อสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลและหลายคนวิตกนั้น เป็นธรรมชาติของเชื้อไวรัสที่จะมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลา แต่ยังคงเป็นลูกผสมของสายพันธุ์โอมิครอนเดิม และไม่ได้มีความรุนแรงไปกว่าสายพันธุ์เดิม ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดเพิ่มขึ้น เป็นไปตามการคาดการณ์ของกรมควบคุมโรค และไม่ได้มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกัน ทั้งจากการติดเชื้อและการได้รับวัคซีน

“นายกรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้ติดตามการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์โควิด XBB.1.16 อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขคาดว่าการระบาดของโรคโควิด-19 จะสูงขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยได้ปรับคำแนะนำแนวทางการฉีดวัคซีนใหม่ ให้เป็นการฉีดวัคซีนโควิดประจำปี จึงขอให้ประชาชนเร่งเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ประจำปีก่อนเข้าฤดูฝน ซึ่งจะเริ่มฉีดในปี 2566 เป็นปีแรก โดยฉีดปีละ 1 เข็ม สามารถใช้วัคซีนชนิดใด หรือรุ่นใดก็ได้ โดยให้ห่างจากเข็มสุดท้าย หรือประวัติการติดเชื้ออย่างน้อย 3 เดือน และไม่ต้องนับว่าเป็นเข็มที่เท่าใด อีกทั้งสามารถฉีดพร้อมกับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ โดยฉีดที่ต้นแขนคนละข้าง ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังมีความจำเป็นในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะช่วยไม่ให้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ทั้งนี้ ประชาชนสามารถรับวัคซีนโควิดประจำปีได้ตามความสมัครใจ นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข ระมัดระวังเลี่ยงการสัมผัสอยู่ใกล้ชิดผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ควรสวมหน้ากากอนามัยหากต้องไปร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมากหรือไปในที่สาธารณะเพื่อป้องกันตัวเองด้วย หากมีอาการ ไข้สูง ไอ เจ็บคอ ตาแดง ควรรีบตรวจ ATK และแยกตัวจากผู้อื่น” นายอนุชากล่าว

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้มีการจัดเตรียมวัคซีนโควิด-19 ให้กับทุกกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป และได้มีการจัดหาวัคซีนรุ่นใหม่สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่อายุ 12 ปีขึ้นไปด้วย โดยประชาชนสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ที่หน่วยบริการตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ ในกรุงเทพมหานครสามารถรับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุข สังกัดสำนักอนามัย และสำนักการแพทย์ กทม. สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button