มีใบสั่งค้างชำระ ต่อภาษีรถยนต์ไม่ได้ เริ่ม 1 เม.ย. 66
คนมีรถควรรู้ ค้างใบสั่ง ไม่เสียค่าปรับ ต่อภาษีรถยนต์ไม่ได้ เริ่มมาตรการใหม่ 1 เมษายน 2566 รองโฆษกฯ เผย หากมีใบสั่งค้างชำระ เมื่อต่อภาษีรถยนต์ จะไม่ออกป้ายภาษีให้
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผู้ขับขี่ที่มีใบสั่งค้างชำระ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป เมื่อไปต่อภาษีรถยนต์ประจำปี นายทะเบียนรถยนต์จะไม่ออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี หรือ ป้ายภาษี ให้ แต่จะได้ใบแทนเสียภาษีชั่วคราวแทนใบจริง จนกว่าจะชำระค่าปรับให้ครบถ้วน ภายใน 30 วัน หลังรับใบแทน
ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) บังคับใช้มาตรการตามที่กำหนดในกฎหมายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จำนวน 2 มาตรการ
1. การตัดคะแนนความประพฤติ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา
2. มาตรการชะลอการออกเครื่องหมาย แสดงการเสียภาษี สำหรับรถที่มีใบสั่งค้างชำระ ตาม 141/1 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ในส่วนของมาตรการชะลอเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีจะใช้กับรถยนต์ที่มีใบสั่งจราจรที่ค้างชำระ หากเพิกเฉยไม่ชำระค่าปรับตามที่กำหนด โดยสตช. จะส่งข้อมูลระบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังนายทะเบียน ขบ. เมื่อประชาชนไปต่อภาษีรถยนต์ประจำปี
นายทะเบียนจะรับต่อภาษีประจำปีแต่ยังไม่ได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี (ป้ายภาษี) โดยจะได้หลักฐานชั่วคราวแทนป้ายภาษี ซึ่งมีอายุ 30 วัน เพื่อให้ผู้นั้นไปชำระค่าปรับที่ค้างชำระให้ครบถ้วนภายใน 30 วัน แล้วจึงสามารถมารับป้ายภาษีได้
แต่หากประชาชนต้องการจะชำระค่าปรับในขณะต่อภาษี กฎหมายกำหนดให้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้นายทะเบียนสามารถรับชำระค่าปรับตามใบสั่งพร้อมกับชำระภาษี และรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีได้ทันที
สำหรับการขับรถโดยไม่มีป้ายภาษี จะมีโทษ ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ มาตรา 11 ซึ่งกำหนดว่ารถยนต์คันที่ต่อภาษีแล้วจะต้องแสดงเครื่องหมายตามที่ ขบ. กำหนด ให้ครบถ้วน มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ถูกตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ 1 คะแนน ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลใบสั่งค้างชำระและคะแนนความประพฤติได้ที่เว็บไซต์ E-ticket PTM และแอปพลิเคชัน ขับดี
นางสาวรัชดา กล่าวว่า “มาตรการชะลอการออกเครื่องหมาย แสดงการเสียภาษี เพื่อให้เกิดการบูรณาการข้อมูลได้แบบ Real Time ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเกิดผลสัมฤทธิ์และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก นำไปสู่การเสริมสร้างวินัยจราจร
จิตสำนึกด้านความปลอดภัย และช่วยลดอุบัติเหตุทางถนน รัฐบาลมีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่ ลดจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ”