ผวจ.กระบี่ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงข่าว โต้ สื่อโซเชี่ยลโพสต์ ทิ้งกับตันเรือระเบิดกลางทะเลพีพี ยัน ดูแลอย่างดี
วันที่ 20 ก.พ.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่ผู้ใช้เฟสบุค ฟสบุตนาม Tan Deddaung Saepoo ได้เขียนข้อความร้องเรียน แจ้งข่าวสาร แสดงความคิดเห็นกับเพจ เสียงประชาชนคนภูเก็ต ว่า ได้ไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลกระบี่ แล้วไปเจอคนป่วยเตียงข้างๆสอบถามทราบว่าเป็นกัปตันที่ขับเรือของคิงโพไซดอน ที่ระเบิดกลางทะเลเกาะพีพี เมื่อ 2 เดือนก่อน เห็นสภาพน่าสงสารมาก สอบถามญาติที่เฝ้าไข้ บอกว่าดูแลกันไปตามยถากรรม
พร้อมข้อความขอความช่วยเหลือเป็นผ้าอ้อมสำเร็จรูป หรือบริจาคเป็นเงินเป็นค่าใช้จ่ายเล่าเรียนให้ลูกสาว อยู่ป 1
เลขบัญชีธนาคารไทยพานิชย์ 4052538184 นายเกรียงไกร บุญศรี หลังจากที่มีการโพสต์เรื่องราวดังกล่าวออกไปก็ได้มีคนเข้ามาแชร์และแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ความคืบหน้าล่าสุด พันตำรวจโท หม่อมหลวง กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระบี่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดแถลงข่าวขึ้นที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อชี้แจงถึงการช่วยเหลือนายเกรียงไกร บุญศรี อายุ 28 ปี กัปตันเรือสปีดโบท ของเรือคิงโพไซดอน หลังจากพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลกระบี่ นานร่วม 2 เดือนเศษ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา เหตุบริเวณหน้าถ้ำไวกิ้ง เกาะพีพีเล ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่
ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวด้วยว่า ขณะเกิดเหตุมีลูกเรือรวมกัปตัน นักท่องเที่ยว และมัคคุเทศน์ รวมทั้งหมด 31 คน ชาวไทย 5 คน ชาวจีน 26 คนเป็นผู้ใหญ่ 23 คน เด็ก 3 คน ผู้บาดเจ็บ ทางเจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงผู้ประสบภัยจาก ร.พ เกาะพีพี มาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือธารา อำเภอเมืองจังหวัดกระบี่ รวม 3คน เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน 2 คน และกัปตันเรือ คือนายเกรียงไกร มารักษาตัวที่โรงพยาบาลกระบี่ ต่อมาได้ส่งตัวนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คน
ไปรักษาที่โรงพยาบาลกระบี่นครินทร์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชน และส่งต่อไปยังโรงพยาบาลในจังหวัดภูเก็ต
ส่วนนายเกรียงไกร แพทย์ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกระบี่ โดยขณะนี้อาการดีขึ้นตามลำดับ
และขอยืนยันว่าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เคยทอดทิ้งให้การดูแลอย่างเต็มที่ตามาตรฐานของโรงพยาบาล
ด้านนางสรินทร์ทิพย์ บุญศรี อายุ 43 ปี แม่ของกัปตันเรือ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุก็ได้เดินทางมาจากจังหวัดจันทบุรี มาดูแลเฝ้าไข้ลูกชาย ที่โรงพยาบาลกระบี่ มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาร่วม 2 เดือนเศษ
ตามยถากรรมโดยสลับสับเปลี่ยนกับลูกสะใภ้ เนื่องจากลูกสะใภ้ ก็มีภาระต้องดูแลเลี้ยงดูบุตรสาว
หลังจากที่มีคนใจดีโพสต์ขอความช่วย ก็ได้ผู้ใจบุญบริจาคเงินช่วยเหลือลูกชายของตนและครอบครัว เมื่อวันที่ 19 ที่ผ่านมา เป็นเงินกว่า 4 หมื่นบาท ซึ่งฝากขอบคุณทุกน้ำใจ ที่ให้ความเมตตา ซึ่งต่างกับก่อนหน้านี้หลังจากข่าวเงียบหาย หน่วยงานของรัฐที่ให้การช่วยเหลือก็เงียบหายไปด้วย
