เพื่อนบ้านเล่า สารวัตรกานต์ ก่อนก่อเหตุคลั่ง เป็นคนใจดี-อ่อนน้อม ไม่เชื่อเป็นเรื่องผู้หญิง
เพื่อนบ้านเล่า สารวัตรกานต์ ก่อนก่อเหตุคลั่ง เป็นคนใจดี อ่อนน้อม ไม่เชื่อเป็นเรื่องผู้หญิง เคยเล่าปมเพื่อนร่วมงานทุจริต คาดคับแค้นเรื่องถูกย้ายงาน ด้าน โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุ สาเหตุไม่ได้เกิดจากความกดดันจากการทำงาน
จากกรณีนายตำรวจ สารวัตรสังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าว บช.สันติบาล เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ยิงปืนภายในบ้านพักย่านสายไหมตั้งแต่ช่วงสายของวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยหลังจากการปิดล้อมนานกว่า 24 ชม. กระทั่งมีการบุกจู่โจมเข้าควบคุมตัว โดยมีการยิงปะทะ จนสารวัตรนายนี้บาดเจ็บสาหัส และนำตัวส่งโรงพยาบาลภูมิพล
ก่อนที่สุดท้ายจะเสียชีวิตลงในที่สุด โดยมีคำยืนยันจาก พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม เจ้าของพื้นที่ว่า สารวัตรกานต์ ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 21.47 น.
ด้าน ป้าอ้น กรรมการหมู่บ้าน ได้ออกมาเล่าถึงบุคลลิค ตลอดจนนิสัยใจคอของสารวัตรนายนี้ โดยระบุผ่านรายการโหนกระแสวานนี้ (15 มี.ค.66) ว่า สารวัตรกานต์ นิสัยเป็นคนน่ารัก ใจดี พูดคุย เวลามาซื้อของที่ร้าน ถ้าเจอเด็กๆ เข้ามาซื้อพร้อมกัน เขาจะจ่ายเงินให้เด็กตลอด ปกติเขาจะดื่มเบียร์วันละ 2 ขวดเป็นประจำ แต่พอทราบว่าเขาย้ายไปเป็นตำรวจสันติบาล เขาจะดื่มหนักขึ้นเพิ่ม วันละ 8-9 ขวด เปลี่ยนหลากหลายยี่ห้อ
ต่อมาเขาเริ่มมีอาการแปลกไป ตาขวาง ไม่ค่อยทักทาย เริ่มมีอาการพูดคนเดียว เริ่มส่งเสียงดังในบ้าน อาละวาดเสียงดัง พูดคนเดียวกลางถนน ตะโกนเสียงดังยามค่ำคืน
วันเกิดเหตุเขาออกมาอาละวาดโวยวายอยู่หน้าบ้าน มีการตะโกนเสียงดัง แล้วมีการยิงปืน 1 นัด แล้วออกมาตะโกน เดินไปเดินมา ชาวบ้านในพื้นที่ต่างหลบเอาชีวิตรอด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาเจรจาอยู่หลายชุด
ขณะที่ คุณนี เพื่อนบ้าน เล่าว่า หลังเจ้าหน้าที่เข้ามาปิดล้อมพื้นที่ และเริ่มมีการใช้แก๊สน้ำตา มีหลายคนในพื้นที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง กว่าจะย้ายออกจากพื้นที่ได้ยากลำบากมาก นอนไม่ได้ ไม่ว่าช่องประตูหน้าต่างเล็กแค่ไหน แก๊สก็เข้ามาได้หมด แสบตาจนอยู่กันไม่ได้ ยิ่งคนแก่ เด็กเล็ก คนป่วยยิ่งลำบาก
หลังเสียชีวิต #กราดยิง ยังติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ปมก่อเหตุยังวิจารณ์สนั่น
ตั้งแต่วันที่ สารวัตรกาน ก่อเหตุอาละวาดใช้อาวุธปืนรัวยิงภายในบ้านพักย่านสายไหม #กราดยิง ก็ถูกรีทวีตและพูดถึงเป็นจำนวนมาก กระทั่งมาถึงวันนี้ที่เหตุการณ์สงบลงแล้วก็ยังคงมีการติดแฮชแท็กดังกล่าว พร้อมกับมีการตั้งคำถามถึงสเหตุการกระทำคั้งนี้ ที่ล่าสุดถึงปัจจุบันคำตอบทั้งหมดอาจจะตายตามผู้ก่อเหตุไปเลยหรือไม่
ผูํ้ใช้บัญชีทวิเตอร์รายหนึ่งออกมาโพสต์ภาพข่าวที่เผยสภาพความเป็นอยู่ของ ตำรวจคลั่ง พร้อมข้อความว่า “ตอนที่เห็นภาพข่าวก็ว่าอยู่เป็นถึงสารวัตรแต่ทำไมสภาพความเป็นอยู่ถึงเป็นงั้น ต่างกับอิพวกตำรวจขับรถสปอร์ตโดยสิ้นเชิง ยิ่งมาฟังเพื่อนบ้านเล่างี้อีกกก #ตํารวจคลั่ง #สารวัตรคลั่ง #กราดยิง”
ขณะเดียวกันบางส่วนก็มีการรีทวีตคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ที่กล่าวในรายการโหนกระแสไว้ว่า เมื่อทุกคนมองว่าสารวัตรคลั่ง ก็ต้องมาหาคำตอบกันให้ได้ว่า เขาคลั่งเพราะอะไร ฟังจากคำบอกเล่าของเพื่อนบ้าน
“เขาไม่ได้บ้ามาก่อน เขาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ เพิ่งมาเป็นหลังจากการย้ายงาน หากจะถามข้อเท็จจริงข้อนี้ ไปถามจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไม่มีทางได้ความจริง เขาจะพูดความเท็จไปตลอด เหมือนกรณีจ่าคลั่งที่โคราช เขาก็มีปมปัญหาที่ทำให้เขาทำไปแบบนั้น” พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าว
“ส่วนเรื่องกรณีของการพกพาอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเวลาราชการ เรื่องนี้มีการพูดกันมาซ้ำแล้วซ้ำอีก ตั้งแต่เรื่องที่หนองบัวลำภู ตำรวจเมื่อไม่อยู่ในเวลาราชการ เขาไม่มีอำนาจพกพาอาวุธปืนไปไหนมาไหน มันผิดกฎหมายชัดเจน แต่ไม่เคยมีตำรวจถูกจับเพราะพกปืนนอกเวลางาน คนเข้าใจผิดว่าตำรวจออกเวรแล้วพกปืนได้อิสระ แต่มันไม่จริง มันผิดกฎหมาย เรื่องนี้ต้องไปไล่จาก ผบ.ตร.เลยว่า มันผิดหรือไม่ แล้วทำไมถึงยังทำกันทั่วไทย”
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ กล่าวยํ้าว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตํารวจไม่ได้หวังเอาชีวิตของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเหตุที่ปล่อยระยะเวลาล่วงเลยนานหลายชั่วโมง เพื่อแสดงให้ผู้ก่อเหตุเห็นว่าตํารวจมีความจริงใจและไม่ต้องการใช้กําลังหรือความรุนแรง เพราะหากเกิดความสูญเสียขึ้นมาก็จะได้ไม่คุ้มเสีย.
ขณะที่ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุ สารวัตรกานต์ ผู้ก่อเหตุนั้นมีอาการไม่ปกติ ซึ่งไม่ใช่เกิดจากความกดดันในการทำงาน และพร้อมเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบทุกคน โดยล่าสุดช่วงหัวค่ำที่ผ่านมามีรายงานว่า สารวัตรกานต์ยังมีชีวิต โดยคณะแพทย์ รพ.ภูมิพลฯ ได้ทำการปั๊มหัวใจจนกลับมามีชีพจรอีกครั้ง.