ผุดแคมเปญ เรียกร้องรัฐบาล-เอกชน งดซื้อลิขสิทธิ์ซีเกมส์ 2023
ชาวเน็ตไทยไม่ทน เปิดแคมเปญรณรงค์ผ่านเว็บไซต์ change.org อย่าซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ซีเกมส์ 2023 เหตุชาติเจ้าภาพใช้เล่เหลี่ยมมากเกิน จัดแข่ง 37 ชนิดกีฬา ชิง 608 เหรียญทอง มากที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ถ่ายทอดสดแค่ 16 ชนิด ตั้งราคาขายประเทศไทย 28 ล้านบาท แพงสุดในอาเซียน
ประเด็นปัญหาการแข่งขันมหกรรมซีเกมส์ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา ลามไปถึงการออกมาเรียกร้องของกลุ่มคนบางส่วนที่เคลื่อนไหวในเว็บไซต์ Change.org ได้ผุดแคมเปญ “เรียกร้องรัฐบาลและภาคเอกชน งดซื้อลิขสิทธิ์กีฬา Sea Games 2023 ในราคาแพงกว่าทุกชาติอาเซียน” โดยผู้ผุดแคมเปญชื่อว่า Nattpol Phorueng
เหตุผลสำคัญที่ได้มีชาวเน็ตออกมาผุดแคมเปญดังกล่าวเนื่องจากมองว่า ชาติเจ้าภาพกัมพูชานั้น ใช้เหลี่ยมของเจ้าภาพในการจัดให้มีการชิงชัยเหรียญทองเป็นจำนวนมาก แต่กลับถ่ายทอดสดเพียงแค่ 16 ชนิดกีฬา แถมยังเก็บค่าถ่ายทอดสดกับประเทศไทยแพงที่สุดด้วย ซึ่งผู้ตั้งหัวข้อมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
เจ้าของแคมเปญ ยังมีการกล่าวถึคงประเด็นร้อนเปลี่ยนชื่อมวยไทยเป็นกุนขแมร์ ซึ่งชาติเจ้าภาพยังคงยืนยันหนักแน่นที่ต้องการเปลี่ยนชื่อ “มวยไทย” ไปเป็นชื่อศิลปะการต่อสู้ที่ตัวเองอ้างว่าคิดค้นขึ้นมา แต่ไม่ว่าด้วยจากการเข้าใจ ประเด็นของปัญหา ที่ผิดผลาด หรือ จงใจ สร้างทางลัด เพื่อส่งเสริมกีฬาของชาติตนเอง ให้มีชื่อเสียงในระดับนานๆชาติ
โดยไม่คำนึงถึง บุคคล สถาบัน องค์กรต่างๆ ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์ความรู้ พัฒนากีฬา กฏ-กฏิกา และสิ่งต่างๆ อีกมากมายจนมาเป็นกีฬา “มวยไทย” ในปัจจุบัน ซึ่งทางเจ้าของแคมเปญยืนกรานวชัดเจนว่า กัมพูชา ไม่สมควรได้รับสิทธิ์นั้น
นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า การแข่งขันครั้งนี้ มีกระแสการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน ในการแข่งขันมหกรรมกีฬานี้เคยทำการแข่งมา โดยช่วงท้ายของเนื้อหาในแคมเปญยังระบุเชิงตั้งคำถามกลับไปยังหน่้วยงานีท่เกี่ยวข้องด้วยว่า ถึงเวลาที่ที่เราควรแจ้งไปยัง กกท และรัฐบาลหรือยังว่า เราไม่ต้องการการถ่ายทอดสดครั้งนี้ ?
สำหรับ ไทย หวังคว้า 164 เหรียญทอง ในศึกซีเกมส์ 2023 และต้องการเป็นเจ้าเหรียญทองให้ได้ ขณะที่เจ้าภาพกัมพูชา หวังไว้ที่ 103 เหรียญทอง โดยนักกีฬาเขมรหากใครคว้าเหรียญทองได้ จะได้รับบรรจุเข้าราชการตำรวจทันที.