คืบหน้าล่าสุด เช็คสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 66 ยืนยันตัวตน อัปเดต 9 มี.ค. กระทรวงการคลังเปิดให้ผู้ผ่านเกณฑ์ยื่นยันตัวตนบัตรคนจนวัดหยุด เสาร์ อาทิตย์ ได้แล้ว
วันนี้ 9 มีนาคม 2566 Thaiger มีความเคลื่อนไหวของโครงการดี ๆ ช่วยเหลือประชาชนให้ผู้ที่ เช็คสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 66 ไม่ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านเกณฑ์ บัตรคนจนรอบใหม่นี้ ตอนนี้มีผู้ยืนยันตัวตนและยื่นอุทธณ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเท่าไหร่แล้ว ภายหลังจาก ตรวจสอบสิทธิผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ mof.go.th
ยอดผู้ยืนยันตัวตน-อุทธรณ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐล่าสุด
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า มีผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติที่ยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 3,583,633 ราย สำหรับจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ มีผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 763,449 ราย
ตรวจสอบสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านหรือไม่ผ่าน
ผู้ลงทะเบียนสามารถเข้าระบบเพื่อ ตรวจสอบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่าน-ไม่ผ่าน ดังนี้
- เว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th (คลิกที่นี่)
- เว็บไซต์ welfare.mof.go.th (คลิกที่นี่)
อัปเดต 10 มี.ค. 66 คลังเตือนด่วน! ยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ห้ามทำสิ่งนี้ คลิกอ่านเพิ่มเติม
หน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่
- สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ)
- สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ สังกัดกรมบัญชีกลาง
- ที่ว่าการอำเภอ
- สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ทั้ง 50 เขต
- ศาลาว่าการเมืองพัทยา เมืองพัทยา
จากนั้นผู้ที่ผ่านเกณฑ์และไม่ผ่านเกณฑ์ต้องดำเนินการต่อดังต่อไปนี้
ยืนยันตัวตนหลังจากทราบผลสถานะลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน
ผู้ได้สิทธิต้องเดินทางไปยืนยันตัวตนผ่านระบบ e-KYC เพื่อใช้สิทธิ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หรือ บัตรคนจน ผ่านช่องทาง คือ
- ธนาคารกรุงไทย
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 จนถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2566 (180 วัน)
ซึ่งจะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนด้วย ณ ธนาคารดังกล่าวตามวัน และเวลาทำการของแต่ละธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป และตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2566 สามารถยืนยันตัวตนในวันหยุดได้แล้วที่สาขาธนาคารภายในห้างสรรพสินค้า
ทั้งนี้ อย่าลืมผูกบัญชี พร้อมเพย์ กับเลขประจำตัวประชาชนเพื่อรับสิทธิ ใช้ธนาคารใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น 3 ธนาคารข้างต้น
เมื่อยืนยันตัวตนเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถตรวจสอบสถานะการยืนยันตัวตนของตนเองผ่านทาง เว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th (คลิกที่นี่) และเว็บไซต์ welfare.mof.go.th (คลิกที่นี่) เตรียมพร้อมรับเงินบัตรคนจนงวดแรก 1 เมษายน
ยื่นอุทธรณ์หลังทราบผลว่าไม่ผ่านเกณฑ์
ผู้ไม่ผ่านคุณสมบัติสามารถยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 1 พฤษภาคม 2566 ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่
1.ขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติด้วยตนเอง
- เว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th (คลิกที่นี่)
- เว็บไซต์ welfare.mof.go.th (คลิกที่นี่)
ได้ตั้งแต่เวลา 6.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน และติดตามผลการอุทธรณ์ได้ในวันที่ 20 มิถุนายน 2566
2. ขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่
ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทยฯ ธ.ก.ส. สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และศาลาว่าการเมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน
เงินช่วยเหลือค่าน้ำค่าไฟรอบใหม่ ผู้ถือบัตรคนจนไม่ต้องสำรองจ่าย
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
การจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม (คณะกรรมการฯ) เสนอ ซึ่งมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา (มาตรการบรรเทาฯ) เป็นหนึ่งในมาตรการการจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่สำหรับผู้ที่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 (ผู้มีบัตรฯ) โดยมาตรการบรรเทาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาให้แก่ผู้มีบัตรฯ ทั้งนี้ รายละเอียดการดำเนินมาตรการบรรเทาฯ มีดังนี้
1. สวัสดิการค่าไฟฟ้าและค่าประปา
1.1) สวัสดิการค่าไฟฟ้า ปัจจุบันประชาชนทั่วไปจะได้รับการสนับสนุนค่าไฟฟ้าจากมาตรการของรัฐบาลโดยการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งมีเงื่อนไขว่า หากประชาชนใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน จะได้รับสิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี ดังนั้น ภายใต้มาตรการบรรเทาฯ ให้แก่ผู้มีบัตรฯ จะเป็นกรณีที่ผู้มีบัตรฯ ใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน โดยจะได้รับสนับสนุนค่าไฟฟ้าวงเงิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน แต่หากมีการใช้ไฟฟ้าเกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ผู้มีบัตรฯ จะต้องเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าด้วยตนเองทั้งหมด
1.2) สวัสดิการค่าน้ำประปา สนับสนุนค่าน้ำประปาวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน โดยในกรณีที่ผู้มีบัตรฯ ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน แต่ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ผู้มีบัตรฯ จะยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน โดยจะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาท
ต่อครัวเรือนต่อเดือนด้วยตนเอง แต่หากผู้มีบัตรฯ ใช้น้ำประปาเกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ผู้มีบัตรฯ ต้องเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาด้วยตนเองทั้งหมด
2. ปรับเปลี่ยนวิธีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับค่าไฟฟ้าและ/หรือค่าประปา
โครงการฯ ปี 2565 ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับค่าไฟฟ้าและ/หรือค่าประปาสำหรับผู้มีบัตรฯ จากเดิมที่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 และปี 2561 ต้องสำรองเงินจ่ายค่าใช้จ่ายสำหรับค่าไฟฟ้าและ/หรือค่าประปาให้แก่ผู้ให้บริการล่วงหน้าก่อน โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 และปี 2561 จะได้รับเงินสนับสนุนคืนเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐภายหลัง
สำหรับมาตรการบรรเทาฯ ในครั้งนี้จะมีการเปลี่ยนเป็นภาครัฐโดยกระทรวงการคลังจะสนับสนุนค่าไฟฟ้าและ/หรือค่าประปาให้แก่ผู้ให้บริการโดยตรงตามมูลค่าที่ผู้มีบัตรฯ ใช้สิทธิ์ตามเงื่อนไขมาตรการบรรเทาฯ ที่กำหนด โดยวิธีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายนี้จะทำให้ผู้มีบัตรฯ ไม่ต้องสำรองเงินจ่ายค่าบริการไปก่อน ซึ่งจะเป็นการช่วยลดภาระและเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้แก่ผู้มีบัตรฯ