เร่งติดตามจับกุมคนคนร้าย ก่อเหตุใช้ไม้ทุบทำร้ายร่างกายหนุ่มสุราษฎร์ ได้รับบาดเจ็บ
จากกรณีเมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรม ภูเก็ต ได้รับแจ้งให้ช่วยเหลือนำผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุถูก ทำร้ายร่างกาย ซึ่งเหตุเกิดที่บริเวณศาลาพักข้างสนามฟุตบอลป่าตอง และต่อเนื่องไปจนถึงบริเวณชายหาดป่านตอง เนื่องจากผู้ที่ถูกทำร้ายวิ่งหนีตายไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในบริเวณดังกล่าว
อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจป่าตอง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบผู้ได้รับบาดเจ็บถูกทำร้ายร่างกายด้วยของมีคม
มีบาดแผลฉีกขาดที่ศีรษะ นิ้วมือซ้าย แขนขวา ผิดรูป เท้าขวาฉีกขาด เจ้าหน้าที่จึงนำผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่งโรงพยาบาลป่าตอง และ ส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
พ.ต.ท.พงษ์พันธ์ ศิริภัทรนุกุล สว.สส.สภ.ถลาง รักษาการ รอง.ผกก.สส. สภ.ป่าตอง กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวหลังรับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าตองได้ลงพื้นที่ สืบสวนหาข่าว เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุทันที พร้อมสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ พยานในที่เกิดเหตุ และสอบปากคำผู้เสียหาย โดยเจ้าหน้าที่ไปสอบปากคำผู้เสียหายที่โรงพยาบาล
จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกทำร้ายร่างกาย คือ นายณัชศักดิ์ สติตรง อายุ 27 ปี ชาวอำเภอพระแสง จ.สุราษฎร์ธานี จากการสอบปากคำในเบื้องต้น ผู้เสียหายระบุว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนอนหลักอยู่ที่ศาลาซึ่งอยู่ใกล้กับสนามฟุตบอลป่าตอง ซึ่งเป็นศาลาที่มีกลุ่มคนเร่ร่อนใช้เป็นที่หลับนอน ขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ก็มีคนซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใครใช้ไม้ตีที่หัวและลำตัวจนได้รับบาดเจ็บและมีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก จึงพยายามวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน เพื่อให้นำตัวส่งโรงพยาบาล โดยขณะที่เกิดเหตุด้วยความตกใจที่ถูกทำร้ายร่างกาย ได้วิ่งหนีเอาตัวรอดโดยไม่ได้ดูว่าคนที่ใช้ไม้ตีทำร้ายร่างการเป็นใคร
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บได้ขอเดินทางกลับไปรักษาตัวที่บ้านพักในจังหวัดสุราษฎร์แล้ว ส่วนการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุนั้นขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ รวมทั้งสอบปากคำเพื่อนๆของผู้ได้รับบาดเจ็บที่อาศัยอยู่ในศาลาที่เกิดเหตุด้วยกัน ในเบื้องต้นยังอยู่ระหว่างการสอบสวนหาตัวคนร้าย เพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
พ.ต.ท.พงษ์พันธ์ กล่าวต่อไปว่า จากการลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว และ สืบสวนหาข้อเท็จ เชื่อว่าไม่ใช่การกระทำของกลุ่มมาเฟียตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ แต่คาดว่าน่าจะเป็นการก่อเหตุของกลุ่มคนแร่ร่อน เนื่องจากพบว่าศาลาดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่กลุ่มคนเร่ร่อนใช้เป็นที่อาศัยหลับนอน