นนี้ (18ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ใช้เฟชบุ๊คชื่อว่า อนุรักษ์ ทายาทตระกูลคงเนียม มีการโพสต์คลิปวีดีโอ จำนวน 2คลิป ความยาวรวมประมาณ 2 นาที พร้อมระบุข้อความว่า ขออนุญาติคับ ช่วยกันแชร์คับ ใช้ถนนร่วมกัน แต่กลับพกมีดยาวขนาดนี้สมควรหรือไม่คับ #ดูมันทำกับเพื่อนผม# ซึ่งในคลิปวีดีโอ เห็นกระบะบรรทุกของสีบรอนท์เทาคันหนึ่งขับอยู่ที่ช่องจราจรตรงกลางแล้วขับมาปาดหน้ารถยนต์ที่ขับอยู่ช่องจราจรด้านขวา ทำให้คนขับบีบแตรเตือน แต่คนขับรถกระบะบรรทุกของได้หยุดกะทันหันจากนั้นชายวัยกลางคนที่เป็นคนขับกระบะบรรทุกของ รูปร่างผอม เตี้ย ลงจากรถพร้อมกับอาวุธมีดขนาดยาวเดินปรีมาทุบกระจกรถยนต์คันที่บีบแตรใส่จำนวนหลายครั้ง พร้อมตะโกนบอกให้เปิดประตูแต่คนขับไม่เปิดประตูทำให้คนขับรถกระบะบรรทุกของได้ขับรถออกไป และได้ไปจอดที่ยูเทริน์รถแถวเกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ตแล้วคนขับรถกระบะได้ลงจากรถอีกครั้งก่อนที่จะวิ่งมารถยนต์ที่คันเกิดเหตุ ทำให้คนที่อยู่ภายในรถโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้สกัดจับแต่ก็ไร้วี่แวว ซึ่งรถยนต์คันดังกล่าวได้มีกล้องหน้ารถบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้อย่างชัดเจน หลังจากนั้นเพื่อนของเจ้าของรถยนต์คันที่เกิดเหตุมีการโพสต์คลิปลงเฟชบุค ทำให้มีผู้ที่สนใจแชร์ไปยังกลุ่มต่างๆ หลายกลุ่ม และมีการกดถูกใจพร้อมแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.กมล โอศิริ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า ตนได้ทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าวพร้อมสั่งการให้ชุดสืบสวน โดย พ.ต.ท.นฤบดินทร์ ปังหลีเส็น สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ตรวจสอบป้ายทะเบียนรถคันที่ก่อเหตุ ซึ่งในคลิปได้บันทึกภาพป้ายทะเบียนได้อย่างชัดเจน จนทราบผู้ครอบครองรถและผู้ครองครองได้นำตัวคนขับรถกระบะที่ก่อเหตุ ทราบชื่อ
นายนพปฎล สายน้อย อายุ 21 ปี ที่อยู่ 240 ม.3 ต.ควนชุม อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช มาสอบปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายนพปฎลยอมรับได้ขับปาดหน้าและลงไปก่อเหตุจริง ที่บริเวณถ.เทพกษัตรี (ขาเข้าเมือง) (หน้าบริษัทอีซูซุ) ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2561 เวลาประมาณ 09.00 น. นอกจากนั้นได้ยึดอาวุธมีดสปาต้าร์ ยาวประมาณ 77 ซม. จำนวน 1 ด้าม พร้อมแจ้งข้อกล่าว พกพาอาวุธมีดฯ , ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ,ไม่มีใบอนุญาติขับรถ โดยจะนำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดภูเก็ตในวันพรุ่งนี้ (19ม.ค.)
พ.ต.อ.กมล กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่อีกชุดได้เรียกผู้เสียหาย ทราบชื่อ นายสุริยา ยาบ้านทุ่ม ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ มาปากคำเช่นเดียวกัน ในเบื้องต้น นายสุริยา ไม่ติดใจเอาความแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ได้มาพูดคุยปรับความเข้าใจกันและจับมือขอโทษซึ่งกันและกัน
- ติดตามเราได้ที่ :
