พระประวัติ ‘พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ’ พร้อมพระราชกรณียกิจ ที่สำคัญต่อชาวไทย
เผยพระประวัติ “พระองค์เจ้าโสมสวลี” หรือ “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ” พร้อมประวัติพระราชกรณียกิจที่สำคัญต่อปวงชนชาวไทย
“พระองค์เจ้าโสมสวลี” หรือ “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ” ทรงเป็นอดีตพระวรชายาพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ในหลวงรัชกาลที่ 10) ประสูติเมื่อวันเสาร์ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญต่อประเทศไทยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น โครงการและมูลนิธิในพระอุปถัมภ์ ด้านสังคมสงเคราะห์ และการสาธารณสุข เช่น มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ทรงเป็นนายกกิตติมศักดิ์), มูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา (ทรงเป็นนายกกิตติมศักดิ์) และมูลนิธิศาสตราจารย์ นายแพทย์ หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์ กิติยากร เป็นต้น
ทั้งนี้ ทีมงาน Thaiger จะขอพาผู้อ่านทุกท่านย้อนประวัติและผลงานพระราชกรณียกิจที่สำคัญของ “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ” ที่ทรงทำเพื่อนประชาชนชาวไทย ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ ว่ามีโครงการและพระราชกรณียกิจใดน่าสนใจบ้าง
พระประวัติ “พระองค์เจ้าโสมสวลี”
“พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ” ทรงมีพระนามเดิมว่า “หม่อมหลวงโสมสวลี กิติยากร” ประสูติ วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 เป็นอดีตพระวรชายาพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ในหลวงรัชกาลที่ 10 เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
ทั้งนี้ “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ” ทรงเป็นธิดาพระองค์ใหญ่ของ หม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กิติยากร กับท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร พระองค์เป็นทั้งพระภาติยะ(หลานที่ลูกของพี่ชาย หรือน้องชาย) และอดีตพระสุณิสา(ลูกสะใภ้) ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เนื่องจากการอภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนั้นดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์มีพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายาฯ ถือเป็นเจ้านายพระองค์แรกที่ดำรงพระอิสริยยศเป็นพระวรชาย จากนั้นทรงมีพระธิดาพระองค์เดียวคือสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2534 พระองค์ยังมีสถานะเป็นเจ้านายและได้รับการเฉลิมพระนามว่า “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ” ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติและทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อปี พ.ศ. 2562 พระองค์ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรมฝ่ายใน ตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ” นั่นเองครับ
พระประวัติวัยเยาว์
จากที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่า “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ” ทรงมีพระนามเดิมว่า “หม่อมหลวงโสมสวลี กิติยากร” ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 ณ โรงพยาบาลกายส์ เขตเซาท์วาร์ก กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เป็นธิดาคนใหญ่ของหม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กิติยากร พระเชษฐาในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กับท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร (เดิม – หม่อมเจ้าพันธุ์สวลี ยุคล) เหตุที่หม่อมหลวงโสมสวลีประสูติที่ลอนดอนสืบเนื่องมาจากบิดา คือ หม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ ได้ไปศึกษากฎหมายที่ประเทศอังกฤษหลังพระราชทานน้ำสังข์แล้ว จนเมื่อหม่อมหลวงโสมสวลีมีอายุได้ 2 ปี จึงได้กลับมายังประเทศไทย
พระนาม โสมสวลี มีความหมายอันเป็นมหามงคล แปลว่า “ผู้สืบเชื้อสายมาจากพระจันทร์” คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ อีกทั้งยังเป็นนามที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครอบครัวและสหายในโรงเรียนราชินีมักเรียกชื่อสั้น ๆ ว่า “คุณโสม”
ส่วนพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเรียกว่า “โสม” เพียงอย่างเดียว พระองค์เจ้าโสมสวลี มีน้องสาวเพียงคนเดียวคือหม่อมหลวงสราลี กิติยากร หรือ “คุณน้ำผึ้ง” ซึ่งเป็นนักแสดงและพิธีกรรายการโทรทัศน์
จากนั้นไม่นาน “หม่อมหลวงโสมสวลี กิติยากร” ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เข้าศึกษาในระดับอนุบาลที่โรงเรียนจิตรลดา รุ่นที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2504 รุ่นเดียวกับสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทว่าเมื่อสำเร็จการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ ก็ย้ายไปดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2510
ต่อมาพระองค์ก็ทรงลาออกจากโรงเรียนเดิมและย้ายไปประทับที่เชียงใหม่โดยเข้าเรียนที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย เป็นระยะเวลาทั้งหมด 2 ปี ภายหลังเมื่อบิดาได้ย้ายกลับมายังกรุงเทพมหานคร ทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยระยะหนึ่ง แต่ด้วยมิสะดวกต่อการรับส่ง จึงได้ย้ายมาศึกษาอยู่ที่โรงเรียนราชินี เนื่องจากเป็นเส้นทางเดียวกับเส้นทางที่ไปยังที่ทำงานของบิดา
หม่อมหลวงโสมสวลีและน้องสาว ทรงเติบโตแและได้รับการเลี้ยงดูในวังเทเวศร์อย่างสามัญชน มีพระบิดาไปรับส่งที่โรงเรียนเหมือนกับเด็กนักเรียนทั่ว ๆ ไป
ทั้งนี้ ในวัยเยาว์พระองค์ทรงปฏิบัติหน้าที่งานบ้านด้วยพระองค์เอง เช่น การจัดที่นอนให้เป็นระเบียบ กวาดบ้านถูพื้น รวมไปถึงการปลูกผักและตัดหญ้าด้วยตนเอง อีกทั้ง “พระองค์เจ้าโสมสวลี” ยังทรงโปรดการประกอบอาหาร และเชี่ยวชาญในวิชาภาษา แต่พระองค์ไม่ถนัดวิชาคณิตศาสตร์ ดังนั้น เมื่อพระองค์สำเร็จการศึกษาระดับ ม.ศ. 2 จึงขอร้องกับบิดามารดา เพื่อขอออกมาศึกษาวิชาที่พระองค์ชอบ
การอภิเษกสมรส
พระองค์เจ้าโสมสวลี อภิเษกสมรส เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2520 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรส ณ พระตำหนักสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี วังสระปทุม และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในการนี้ได้เสด็จออก ณ ท้องพระโรงพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย และสีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรค์ปราสาท เพื่อรับการถวายพระพรชัยมงคล
จากนั้น ในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2534 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศเฉลิมพระนามพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์นั้นเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ โดยสร้อยพระนาม “พระวรราชาทินัดดามาตุ” หมายถึง “พระมารดาของพระราชนัดดาพระองค์แรกแห่งพระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐ”
ครั้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติและทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562 พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นพระองค์เจ้าต่างกรมฝ่ายใน ตามจารึกพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ด้วยเป็นพระมารดาผู้ทรงอภิบาลพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ กอปรกับทรงประกอบพระกรณียกิจสนองพระเดชพระคุณสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย
ต่อมาในปี พ.ศ. 2534 หลังจากการหย่า พระองค์ยังคงสถานะเป็นเจ้านายและได้รับการเฉลิมพระนามว่า “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ” ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติและทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562 พระองค์ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรมฝ่ายใน ตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ
พระราชกรณียกิจ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ
“พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ” ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ส่วนรวมแก่ประชาชนชาวไทย ด้วยการเสด็จแทนพระองค์ไปทรงประกอบพระกรณียกิจต่าง ๆ เพื่อแบ่งเบาพระราชภาระเจ้านายพระองค์อื่น จนพระราชกรณียกิจสำเร็จลุล่วงด้วยดี
จากนั้นเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ รศ.ดร.นายแพทย์พิชิต สุวรรณประกร เป็นผู้แทนพระองค์นำถุงยังชีพ 3,000 ถุง ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮกุ ประเทศญี่ปุ่น สร้างความปิติยินดีแก่ผู้ประสบภัยพิบัติเป็นอย่างสูง
นอกจากนี้ “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ” ยังประกอบโครงการ มูลนิธิ หน่วยงาน ในพระอุปถัมภ์ มากมายหลากหลายมากถึง 23 โครงการ ประกอบด้วย
- มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ทรงเป็นนายกกิตติมศักดิ์)
- มูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา (ทรงเป็นนายกกิตติมศักดิ์)
- มูลนิธิศาสตราจารย์ นายแพทย์ หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์ กิติยากร
- มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย (ทรงดำรงตำแหน่งนายกกิตติมศักดิ์ตลอดพระชนม์ชีพ)
- มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของศาลเยาวชนและครอบครัว
- มูลนิธิบ้านบางแค
- มูลนิธิโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียแห่งประเทศไทย
- มูลนิธิสงเคราะห์เด็ก ของศาลเยาวชนและครอบครัว
- มูลนิธิสถาบันแสงสว่าง
- มูลนิธิธรรมจารินีวิทยา
- มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของศาลเยาวชนและครอบครัว
- โครงการช่วยลดการติดเอดส์จากแม่สู่ลูก สภากาชาดไทย
- โครงการคืนชีวิตให้พ่อแม่เพื่อลูกน้อยที่ติดเอดส์
- กองทุนยาพระวรราชาทินัดดามาตุ สำหรับผู้ติดเชื้อเอดส์ สภากาชาดไทย
- กองทุนนมสำหรับเด็กในโครงการช่วยลดการติดเอดส์จากแม่สู่ลูก
- กองทุนโรคมะเร็งในเด็ก
- สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี
- สมาคมเทคนิคการแพทย์แห่งประเทศไทย
- สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่
- สมาคมพัฒนาแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย
- สภาแม่ดีเด่นแห่งชาติ
- โรงเรียนวรราชาทินัดดามาตุวิทยา
- วัดหนองน้ำขุ่น อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
อ้างอิง : 1