โหนกระแสวันนี้ นายกสมาคมตำรวจ เผย ตำรวจไถเงินจริง เจอไล่ออกพร้อมดำเนินคดีอาญา ปมรีดเงินดาราไต้หวัน ไกด์ สมาคมมัคคุเทศก์ แฉยับเรื่องปกติก่อนเปิดโปงเคสใหม่ที่พัทยา โดนเรียก 6 หมื่น ก่อนต่อรองลดให้ครึ่งหนึ่ง
กรณีนักท่องเที่ยว “อันหยูชิง ดาราสาวชาวไต้หวัน” ได้ลงข้อความระบุ เธอได้นั่งรถยนต์โดยสารสาธารณะ (แท็กซี่) กับเพื่อนเพื่อเดินทางกลับโรงแรมที่พักระหว่างท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ของวันที่ 5 มกราคม 2566 ประมาณ 02.00 น. ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจหน้าสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร
เรียกตรวจค้นและพบว่ามีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครอง แล้วเรียกรับเงินสด จำนวน 27,000 บาท แล้วปล่อยตัวไปไม่ดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น
ล่าสุด รายการโหนกระแสของ “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย วันนี้ (31 ม.ค.66) ได้เชิญ ตำรวจ ไกค์ สมาคมไกด์ แลัคนขับแท็กซี่ มาร่วมกันถกประเด็นดังกล่าวอีกครั้ง โดยเริ่มจาก พลตำรวจเอก วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ ที่ออกมากล่าวว่า ต่อไปนี้ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำผิดเสียเอง ต้องจัดการอย่างเด็ดขาดเพื่อไม่ให้บานปลายอย่างเช่นกรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นข่าวรายนี้
ส่วนกรณีที่สังคมตั้งคำถามวันเกิดเหตุ “คนขับแกร็บ” ซึ่งเป็นโชเฟอร์ที่ขับคันซึ่ง “อันหยูชิง” นั่งไปจนเจอด่านตำรวจที่เป็นปัญหาและได้อ้างว่าวันนั้นดาราสาวอยู่ในอาการมึนเมา มีท่าทีโวยวาย ซึ่งทางรายการได้เชิญคนขับรถแท็กซี่คันที่รับผู้เสียหายขึ้นรถโดยสารของตัวเองเช่นกัน แต่เป็นหลังจากเกิดเรื่องที่ด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วและได้เปิดเผยในรายการกับ กรรชัย ว่า
ในส่วนของตนวันดังกล่าว สาวนักท่องเที่ยวต่างชาติมีกลิ่นเหล้า แต่ก็ไม่ถึงกับโวยวาย โดยแจ้งว่าจะเดินทางไปห้วยขวาง ตอนลงรถก็จ่ายค่าโดยสารปกติ
ขณะที่ สายชล อาชีพมัคคุเทศก์ ผู้ที่พยายามติดต่อสอบถามถึงเรื่องดังกล่าวกับนักแสดงชาวไต้หวันซึ่งต่อมาดาราสาวได้เข้ามาตอบในช่องคอมเมนต์ว่า เธอไม่ไว้วางใจประเทศไทยแล้ว และได้ไปแจ้งความกับทางตำรวจอินเตอร์โพล จึงไม่ขอคุยกับใครเรื่องนี้อีก
โดยมัคคุเทศก์หนุ่มที่มาเป็นแขกรับเชิญของกรรชัย ระบุ ในฐานะที่เป็นไกด์ทัวร์ทั้งคนจีนคนไต้หวัน เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
ด้าน นายไพศาล ซื่อธานุวงศ์ กรรมการสมาคมมัคคุเทศก์ กล่าวถึงปัญหาของบุหรี่ไฟฟ้า โดยยกตัวอย่างนักท่องเที่ยวบางรายไม่ทราบเรื่องข้อกฏหมาย ซึ่งจากที่ได้ยินในกลุ่มไกด์นำเที่ยวด้วยกัน เคยเล่าปัญหาให้ฟังว่ามีนักท่องเที่ยวเคยถูกเรียกค่าปรับ 6 หมื่นบาท แต่ต่อรองได้เหลือ 3 หมื่นบาท เหตุเกิดที่พัทยา ประมาณวันที่ 28-29 ม.ค.2566
เมื่อ “หนุ่ม กรรชัย” ทราบเรื่องนี้ซึ่งเป็นคนละกรณีกับดาราสาวไต้หวัน นายไพศาลกรรมการสมาคมมัคคุเทศก์ก็กล่าวยืนยันกับพิธีกรคนดังที่ยังอยู่ในสีหน้าตกใจกับเคสใหม่สดๆ ร้อนๆ ว่า กรณีแบบนี้เจอได้ทั่วไปปกติ
นายกสมาคมตำรวจ ลั่นวิธีแก้ปัญหา อันดับแรกต้องปฏิรูปวงการ
หลังจากในรายการมีการคุยกันจบในประเด็นของดาราสาวไต้หวันที่ถูกตำรวจตั้งด่านรีดเงินซึ่งทาง พลตำรวจเอก วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ ได้เผยความคืบหน้าหลังจากได้พูดคุยกับทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวสจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ทั้งสองยืนยันจะไม่มีการปกป้องหรือช่วยเหลือตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีรีดไถดาราสาวไต้หวัน ถ้าผิดจะลงโทษไล่ออกและดำเนินคดีอาญาทันที
ขณะเดียวกัน นายกสมาคมตำรวจยังได้เสนอแนะถึงแนวทางแก้ไปัญหาดังกล่าวที่กำลังเป็นข่าวใหญ่ของสังคม โดยระบุ จากนี้สิ่งที่ต้องทำอย่างจริงจัง คือ “ต้องมีการปฏิรูปตำรวจ” การปฏิรูปตำรวจสิ่งแรกที่จะทำต้องเลิกการซื้อขายตำแหน่ง ต้องปฏิเสธตั๋วจากนักการเมือง
สิ้นเสียงของนายกสมาคมสีกากีที่พูดถึงประเด็นซื้อขายตำแหน่ง “กรรชัย” ผู้ดำเนินรายการกล่าวแทรกทันทีว่า “อู้ย เดี๊ยวก่อนนะ ! มีจริงๆ หรือเรื่องซื้อขายตำแหน่ง”
คำตอบจากแขกรับเชิญซึ่งได้เกษียนอายุราชการไปลแ้วก็พูดขึ้นมาทันควันว่า “มีฮะ จริงครับ จริง” และไม่ใช่แค่ในวงการตำรวจมันระบาดไปทุกวงการ ไม่เชื่อไปดูตามหน้าหนังสือพิมพ์ได้
ต่อมาพิธีกรมือฉมังของรายกรโหนกระแสถามต่อว่า สมมติกรณีเวลาประชาชนเข้าไปที่ด่านตรวจของตำรวจสามารถเอามือถือมาถ่ายคลิปได้หรือไม่
พล.ต.อ.วินัย ยืนยันด้วยน้ำเสียงชัดเจนกับพิธีกรคนดังว่า ถ่ายได้ เพราะถือเป็นสิทธิิของประชาชน ถ้าเจ้าพนักงานกระทำไปด้วยความชอบ ไม่มีอะไรต้องปิดบังเพราะไม่ได้เป็นการกระทำอะไรที่ผิด ฉะนั้นตรงนี้ท่านถ่ายวิดิโอหรือคลิปได้เลย ตำรวจถ่ายท่าน ท่านก็ถ่ายตำรวจ เป็นสิทธิ์ของท่าน
ตัดกลับมาที่ประเด็นปฏิรูปวงการตำรวจ “พล.ต.อ.วินัย” ในฐานะนายกสมาคมผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไทย กล่าวย้ำว่า ต้องสนับสนุนให้นายตำรวจที่ดีได้รับการขึ้นตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ใช่เอาตำรวจที่ไม่ดี ซื้อขายตำแหน่ง-ทำงานไม่เป็น ได้เลื่อนขึ้นไปเป็นหัวหน้างาน แบบนี้ก็จะทำให้เกิดการปล่อยปะละเลย คนที่ดีไม่ได้ทำงาน ถ้าไม่รีบแก้ก็จะเป็นบ่อเกิดให้มีข่าวดังเหมือนกับกรณีที่ข้าราชการไทยไปรีดไถเงินดารานัแสดงต่างชาติจนถูกกระพือความฉาวไปทั่วโลก
ขอบคุณข้อมูล : รายการโหนกระแส งามหน้า!!! จับตาตำรวจรีดทรัพย์ดาราสาวไต้หวัน จริงหรือไม่ ?
- ไม่รอด! สั่งเด้ง ผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง เซ่นปมรีดเงินดาราไต้หวัน
- ผบ.ตร ขอโทษดาราสาวไต้หวัน ยืนยันไม่มีการปกป้องคนผิด
- ด่วน! ย้ายตำรวจ สน.ห้วยขวาง 7 นาย เอี่ยวรีดเงินดาราสาวไต้หวัน
