ไลฟ์สไตล์

‘วันวาเลนไทน์’ 14 กุมภาพันธ์ 2566 วันแห่งความรัก จากตำนานโศกนาฏกรรมรักที่ยิ่งใหญ่

บรรยากาศเมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มักจะอบอวลไปด้วยสีชมพูและความสดใสเบิกบาน ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มักจะเห็นฟิลเตอร์ดอกไม้โผล่ขึ้นมาทุกที่ ก็เพราะในเดือนนี้มีวันสำคัญอย่าง “วันวาเลนไทน์” (Valentine’s Day) ที่เป็นวันแห่งความรักยังไงล่ะ ดังนั้นแล้วไม่ว่าจะคนมีคู่หรือคนโสดก็มักจะอินเลิฟกับเทศกาลวาเลนไทน์ทุก ๆ ปี

แม้ว่าความรักจะดูเหมือนเป็นของสามัญประจำบ้าน ใคร ๆ ต่างก็มีความรักเกิดขึ้นได้ตลอด แต่รู้หรือไม่ว่ายุคสมัยหนึ่งความรักเคยเป็นสิ่งที่ถูกกีดกัน หนุ่มสาวต้องลักลอบคบหากันอย่างลับ ๆ เพื่อไม่ให้ถูกทางการจับได้ และนั่นเองก็เป็นที่มาของวันวาเลนไทน์ วันที่หลายคนยกย่องนักบุญวาเลนไทน์ให้เป็นตัวแทนของความรักที่บริสุทธิ์

14 กุมภาพันธ์ ‘วันวาเลนไทน์’ วันแห่งความรักของทุกคนทั่วโลก

ประวัติ ‘วันวาเลนไทน์’ วันแห่งความรักนี้มีที่มาอย่างไร

สำหรับ “วันวาเลนไทน์” นั้นไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าเกิดขึ้นเมื่อใด แต่ตำนานปกรณัมตะวันตกเล่าสืบต่อกันมาว่า วันวาเลนไทน์มาจากชื่อของ “นักบุญวาเลนไทน์” หรือเซนต์วาเลนไทน์ (บางแห่งเรียกวาเลนตินัส) เป็นนักบุญที่มีชีวิตอยู่เมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 5-6 สมัยกรุงโรมภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 (Emperor Claudius II)

มีหลายตำนานที่กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างนักบุญวาเลนไทน์กับจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการข่มเหงคริสตชนโดยชาวโรมัน หรือความพยายามยึดมั่นในศาสนาคริสต์ของนักบุญวาเลนไทน์จนถูกประหารชีวิต ทว่าตำนานที่ได้รับความนิยมเล่าสืบต่อกันมามากที่สุดคือตำนานที่เกี่ยวข้องกับความโรแมนติก

ตำนานดังกล่าวเล่าว่า จักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 ไม่สนับสนุนให้ชายหญิงมีความรักต่อกัน และห้ามไม่ให้มีพิธีแต่งงานเกิดขึ้นในกรุงโรม เนื่องจากความรักจะทำให้ฝ่ายชายไม่ยอมจากครอบครัวออกไปรบเพื่อชาติ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ในยุคของจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 เป็นยุคที่เต็มไปด้วยความอับเฉา ไร้ชีวิตชีวา ประชาชนต่างพากันโศกเศร้าที่ไม่สามารถแต่งงานกับคนที่รักได้อย่างเป็นทางการ

กระทั่งนักบุญวาเลนไทน์ไม่อาจทนเห็นคนหนุ่มสาวมีชีวิตอยู่อย่างอับเฉาได้อีกต่อไป ท่านจึงเป็นตัวแทนในการสานสัมพันธ์และช่วยชาวเมืองจัดพิธีแต่งงานแบบลับ ๆ จนชื่อเสียงของนักบุญวาเลนไทน์โด่งดังไปทั่วเมือง ท่านจึงไม่อาจรักษาความลับที่ว่าเป็นผู้ช่วยชาวเมืองจัดงานแต่งได้อีกต่อไป และเรื่องราวของท่านนักบุญวาเลนไทน์ก็ไปเข้าหูจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2

หลังจากจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 รู้ข่าวเรื่องนักบุญวาเลนไทน์ พระองค์ก็ทรงกริ้วหนักมาก สั่งให้ทหารควบคุมตัวนักบุญวาเลนไทน์ไปขังไว้ในคุก แต่ความรักก็เกิดขึ้นได้ทุกที่ ในขณะที่นักบุญวาเลนไทน์ถูกจองจำเขาก็ได้พบรักกับลูกสาวตาบอดของผู้คุม ซึ่งบางตำนานกล่าวว่านักบุญวาเลนไทน์สามารถรักษาดวงตาของหญิงสาวคนนี้ให้กลับมามองเห็นเหมือนคนปกติได้

สุดท้ายแล้วจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 ก็มีคำสั่งให้ประหารชีวิตนักบุญวาเลนไทน์ แต่ก่อนถึงวันประหารนักบุญวาเลนไทน์ได้เขียนจดหมายถึงสาวคนรักและลงท้ายข้อความไว้ว่า “From Your Valentine” ซึ่งต่อมาจดหมายฉบับดังกล่าวได้กลายเป็นหลักฐานเพียงชิ้นเดียวที่ถูกอ้างถึงการมีตัวตนอยู่ของนักบุญวาเลนไทน์

มีความเชื่อว่าหลังจากถูกประหารชีวิต ศพของนักบุญวาเลนไทน์ถูกฝังไว้ที่โบสถ์พราซีเดส ณ กรุงโรม โดยหญิงคนรักของท่านปลูกต้นอัลมอนด์สีชมพูไว้ใกล้ ๆ กัน เพื่อเป็นตัวแทนความรักที่ทั้งคู่มีให้กัน โดยเปรียบรากของต้นอัลมอนด์ที่หยั่งลึกเหมือนความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง เหตุนี้เองทำให้เรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักที่แสนโรแมนติกของนับุญวาเลนไทน์มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจักรวรรดิโรมัน

ต่อมาในภายหลังเหล่าคริสตชนที่ศรัทธาในเรื่องราวความรักของนักบุญวาเลนไทน์ ก็ได้ตัดสินใจเลือกให้วันที่ฝังศพของท่านเป็น “วันนักบุญวาเลนไทน์” หรือ “วันวาเลนไทน์” วันที่เป็นตัวแทนระลึกถึงเรื่องราวความรักอันยิ่งใหญ่ ซึ่งก็คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์นั่นเอง

วันวาเลนไทน์ 2566
ภาพจาก : The Bribie Islander

‘คิวปิด’ และ ‘ดอกกุหลาบ’ สัญลักษณ์ตัวแทนแห่งความรัก

หากพูดถึงเรื่องราวความรักสุดแสนโรแมนติกแล้ว หลายคนมักจะนึกถึงเทพคิวปิด (โรมัน) หรือ เทพอีรอส (กรีก) เป็นเทพเจ้าตัวแทนแห่งความรักแบบโรแมนติก โดยเทพองค์นี้เกิดจากเทพเจ้ามาร์ส (แอรีส-กรีก) กับเทพีวีนัส (อะโฟรไดท์-กรีก) มีพลังวิเศษที่สามารถทำให้คนรักกันได้ด้วยการแผลงศร

วาเลนไทน์

ส่วนตัวแทนแห่งความรักอีกสัญลักษณ์หนึ่งอย่างดอกกุหลาบก็เป็นที่นิยมไม่ต่างจากเทพคิวปิด โดยตำนานเกี่ยวกับดอกกุหลาบนั้นถูกเล่าขานในปกรณัมกรีกว่าเป็นดอกไม้ที่เกิดมาพร้อมเทพีอะโฟรไดท์ ทว่าแต่เดิมมีสีขาว กระทั่งชู้รักของอะโฟรไดท์ชือว่า อะโดนีส ถูกหมูป่าฆ่า จึงทำให้เทพีเศร้าโศกและหลั่งน้ำตาไปรวมกับเลือดของอะโดนีสย้อมดอกกุหลาบให้กลายเป็นสีแดง

วันวาเลนไทน์ 2566

และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับความรักที่เป็นตำนานก่อกำเนิด “วันวาเลนไทน์” รวมถึงสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่เป็นตัวแทนแห่งความรักโรแมนติก แม้ในอดีตวันวาเลนไทน์จะโด่งดังในภูมิภาคยุโรปเพียงที่เดียว แต่ปัจจุบันไม่ว่าจะภูมิภาคไหนก็ถือเอาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรักในระดับสากล

และเมื่อวันนี้มาถึง เหล่าคู่รักก็จะทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน หรือแม้กระทั่งคนโสดหากแอบชอบใครก็จะมอบช็อกโกแลตให้เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ เนื่องจากสมัยก่อนช็อกโกแลตเป็นของหายากจึงนิยมนำมาให้เป็นของขวัญแด่คนรัก หรือบางคนอาจจะมอบช่อกุหลาบสีแดง หรือใช้โอกาสในวันวาเลนไทน์สารภาพรักกับคนที่ชอบ

แม้หลายคนอาจจะโฟกัสความรักในวันวาเลนไทน์เป็นความรักในเชิงโรแมนติก ทว่าวัตถุประสงค์ของวันวาเลนไทน์ไม่ได้มีเพียงเพื่อเฉพาะความรักของคนหนุ่มสามเท่านั้น เพราะในโลกนี้ยังมีความรักรูปแบบต่าง ๆ ที่มนุษย์เราสามารถมอบให้กันได้ ไม่ว่าจะเป็นความรักของครอบครัว มิตรภาพความรักจากเพื่อนฝูง หรือแม้แต่ความรักและปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองก็ตาม

เดอะไทยเกอร์ก็ขอใช้โอกาสในวันวาเลนไทน์ 2566 นี้ส่งต่อความรักและความปรารถนาดีให้แก่นักอ่านที่น่ารักทุกคนนะคะ สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ.

Mothana

นักเขียนข่าวที่ Thaiger การศึกษาทางด้านภาษา จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเชี่ยวชาญด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จึงรับหน้าที่เขียนบทความไลฟ์สไตล์บันเทิง เศรษฐกิจ อยากเป็นสื่อกลางคอยขุดคุ้ยประเด็นตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงใหญ่โตมาเขียนให้ทุกคนได้อ่าน เพราะมีความเชื่อว่าสื่อที่ดีย่อมเป็นหนทางนำผู้อ่านไปสู่งานเขียนที่ดีได้ ติดต่อได้ทาง tangmo@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button