ข่าวภูมิภาค
ชาวบ้านชุมชนประชาสามัคคี จ.ภูเก็ต ดิ้นสู้ขหลังทราบข่าวคนอ้างสิทธิครอบครองที่ดินฟ้องขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่
เมื่อเวลา 9.00 น. วันนี้ ( 6 ธ.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ชาวบ้านชุมชนประชาสามัคคี หมู่2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต. ประมาณ 100 คน นำโดย สุรศักดิ์ ไถนาเพรียว ประธานชุมชน นายวีรายุทธ เจ๊ะโซ๊ะ เลขาชุมชนเดินทางมายื่นหนังสื อถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผ่านทางนายประกอบ วงศ์มณีรุ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัด ขอความช่วยเหลือและคุ้มครองสิ ทธิ ในการครอบครองที่ดิน ซึ่งชาวบ้านอาศัยอยู่ในปัจจุบัน โดยอ้างว่า ได้รับความเดือดร้อนหลังมีผู้อ้ างสิทธิในที่ดินแปลงดังกล่าว ว่า เป็นที่ดินมรดก และมีการฟ้องร้องชาวบ้านจำนวน 70 รายไปก่อนหน้านี้
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า การเดินทางมายื่นหนังสือในครั้ งนี้ เนื่องจากชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่ ในที่ดินที่ชาวบ้านเข้าใจว่าเป็ นว่าเป็นดินว่างเปล่า ซึ่งเป็นที่ดินประธานบัตรเหมื องแร่ที่สิ้นสุด ชาวบ้านจึงเข้าไปอาศัยในที่ดิ นดังกล่าว ประกอบกับเมื่อปี 2548 ทางอำเภอเมืองภูเก็ตได้ปิ ดประกาศให้ที่ดินแปลงดังกล่ าวเป็นที่มือเปล่าให้ประชาชนใช้ ประโยชน์ร่วมกันเป็นที่อยู่อาศั ยและที่ทำกิน ทำให้ชาวบ้านเข้าไปอาศัยเพิ่ มมากขึ้น และอาศัยกันมาเป็นเวลายาวนานกว่ า 10 ปีแล้ว มีการทำถนน ขอไฟฟ้าเข้าพื้นที่ และตั้งเป็นชุมชนประชาสามัคคี ขึ้น ในปัจจุบัน
ซึ่งการเข้ามาสร้างที่อยู่อาศัย และทำกินของชาวบ้าน เป็นการใช้ประโยชน์ในที่ดินเป็ นไปอย่างเปิดเผย มีการพัฒนาพื้นที่อย่างโจ่งแจ้ง มีชาวบ้านอาศัยกันอยู่ประมาณ 300 ครัวเรือน บนเนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ แต่เมื่อปี 2560 ประชาชนทราบว่ามีกลุ่มบุคคลอ้ างว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ ดินมรดก และได้มีการฟ้องร้องขับไล่ชาวบ้ านออกจากพื้นที่เป็นเหตุให้ ชาวบ้านเดือดร้อน และในวันพรุ่งนี้ ศาลได้คำสั่งให้สำนักงานที่ดิ นจังหวัดภูเก็ตโจทย์ที่อ่างสิ ทธิ์ครอบครอง และชาวบ้านที่ถูกฟ้องร้อง ร่วมกันชี้แนวเขตที่ดินเพื่ อทำแผ่นที่พิพาทส่งให้กับทางศาล จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือเนื่ องจากขณะนี้ชาวบ้านกำลังได้รั บความเดือดร้อน ซึ่งชาวบ้านที่เชื่อว่าที่ดิ นแปลงดังกล่าเป็นที่ดินของรัฐ
อย่างไรก็ตามหลังจากรับหนังสื อร้องเรียน นายประกอบ วงศ์มณีรุ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จะนำเรื่องนี้ส่งต่อไปยังหน่ วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ อตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนกรณีการเข้าไปรังวัดที่ดิ นเพื่อทำแผ่นที่พิพาทตามคำสั่ งศาลก็ต้องดำเนินการ ซึ่งเป็นการเข้าไปชี้แนวเขตในส่ วนของโจทย์และจำเลยที่มีการฟ้ องร้องกัน ส่วนปัญหาเรื่องที่ดินก็คงต้ องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้ องดำเนินการตรวจสอบเพื่อความเป็ นธรรมกับทุกฝ่าย
สำหรับที่ดินแปลงดังกล่าวมีเนื้ อที่ประมาณ 300 ไร่ ก่อนหน้านี้มีการฟ้องร้องกั นระหว่างชาวบ้านและผู้อ้างสิทธิ์ ครอบครองที่ดิน ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในชั้นศาล และ เมื่อปี 2548 ทางอำเภอได้เข้าไปติดป้ ายประกาศให้ที่ดินแปลงดังกล่ าวเป็นที่มือเปล่าให้ประชาชนใช้ ประโยชน์ร่วมกันเป็นที่อยู่อาศั ยและที่ทำกิน ต่อมาเมื่อปี 2549 ผู้อ้างสิทธิครอบครอบที่ดินได้ ฟ้องร้องหน่วยงานรัฐ ซึ่งขณะนี้ศาลได้ตัดสินห้ามไม่ ให้อำเภอและจังหวัดเข้าไปยุ่ งเกี่ยวกับที่ดินแปลงดังกล่าว