ยังไม่จบ คดีไร่กำแพงดาว ผู้เสียหายลุยเอาผิดเพิ่มปมถูกหลอกลงทุน
ยังไม่จบดราม่า ไร่กำแพงดาว starwall sapan สะปัน-บ่อเกลือ รุกป่าสงวน 3 ผู้เสียหายเข้าแจ้งความปมลงทุนรีสอร์ทหรูจนสูญเงินกว่า 4 ล้านบาท
กรณี รีสอร์ท ไร่กำแพงดาว starwall sapan ในแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต สะปัน-บ่อเกลือ แยกห้วยหมีห้วยโทน บ้านนาโป่ง หมู่ 1 ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ที่กลุ่มบุคคลชักชวนให้ประชาชนทั่วไปร่วมลงหุ้นทำรีสอร์ทหรูดังกล่าว โดยอ้างว่าที่ดินมีเอกสารถูกต้อง มีคนดัง คนใหญ่โต ร่วมหุ้น ดึงดารา โพสต์โซเชียลโปรโมตรีสอร์ท สร้างความน่าเชื่อถือ สุดท้ายถูกจับรุกป่าสงวนแห่งชาติ รุกเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยภูคาและป่าผาแดง เนื้อที่ 3 ไร่กว่า และฝ่าฝืนประกาศ เป็นพื้นที่ถูกตรวจยึดดำเนินคดีอาญาและยึดทรัพย์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหาย 3 ราย ซึ่งถูกกลุ่มบุคคลชักชวนให้ร่วมลงหุ้นทำรีสอร์ทหรูดังกล่าว เดินทางมาเข้าแจ้งความที่ สภ.บ่อเกลือ จ.น่าน
โดย นายปอ (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเองถูกหลอกให้ไปร่วมลงหุ้น โดยมีคนเข้ามาทำสนิทสนมผ่านกลุ่มเพื่อนอีกที เจอกันบ่อยครั้งจนรู้สึกวางใจ แล้วชักชวนร่วมทำธุรกิจ โดยตลอดที่พบกันมักบอกว่าได้ซื้อที่ดินแปลงสวยที่สะปัน บ่อเกลือ มีเอกสารแล้วหลายไร่ ราคา 7 ล้าน เพื่อทำรีสอร์ทและจะเปิดรับหุ้นส่วนร่วมทำเพียง 9 หุ้นในราคาหุ้นละ 1.5 ล้านบาท ซึ่งตอนมีคนสนใจ ลงหุ้นแล้วหลายราย ก่อนชักชวนตนและพาดูที่ดินดังกล่าวที่กำลังก่อสร้างบ้านพัก 3 หลัง
นายปอ เล่าอีกว่า ตอนนั้นยังได้สอบถามเรื่องที่ดินอีกครั้งก็ได้รับการยืนยันว่ามีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง ก่อสร้างทำรีสอร์ทได้แน่นอน จึงตัดสินใจร่วมลงหุ้นโอนเงินให้ 1.5 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าเปิดได้เพียง 1 เดือน ถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึด เพราะสร้างรีสอร์ทรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อสอบถามเรื่องเอกสารที่ดิน บัญชีผู้ถือหุ้น และบัญชีรายรับจ่ายการก่อสร้างรีสอร์ท ก็ถูกบ่ายเบี่ยง แต่รับว่านำเงินไปหมุนใช้จ่ายตรงอื่นยังไม่มีคืนให้
ด้าน พล.ต.ต ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ ผบก.ภ.จว.น่าน กล่าวว่า เบื้องต้นได้ตรวจสอบสถานที่สร้างรีสอร์ทดังกล่าวรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยภูคาและป่าผาแดง เนื้อที่ 3 ไร่กว่า และได้เข้าตรวจยึดประกาศห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่หรือกระทำการด้วยการกระทำใดๆ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมายแล้ว ในส่วนอื่นๆจะได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้ง 2 ฝ่าย หากพบกระทำผิดกฎหมายเข้าข่ายโฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวงให้หลงเชื่อเพื่อหวังต่อทรัพย์ หรือลักษณะฉ้อโกงประชาชน ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.