ข่าว

คนญี่ปุ่นโวย ฝากเงินแสนเข้าธนาคารในไทย แต่หาย 2,000 เจอคำตอบถึงกับอึ้ง

วิจารณ์สนั่น! ชาวญี่ปุ่นโพสต์ทวิตเดือด ฝากเงินแสนเข้าธนาคารดังของไทย แต่เงินหายไป 2,000 บาท เดินไปถามพนักงาน กลับได้คำตอบแค่ขอโทษ โลกออนไลน์เดือด เผยเคยเจอเหตุการณ์คล้าย ๆ กันมาแล้ว

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2565 ได้มีผู้ใช้งานทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ภาพโลโก้ธนาคารสีเหลืองในประเทศไทย พร้อมแคปชั่นเล่าประสบการณ์สุดอึ้ง เมื่อฝากเงินสดหลักแสนเข้าไปในบัญชี แต่พอตรวจสมุดบัญชีธนาคารกลับพบว่าเงินหายไป 2,000 บาท เมื่อสอบถามพนักงาน ได้รับเพียงคำว่า Sorry โดยเจ้าตัวได้เล่าเอาไว้ ดังนี้

Advertisements

“เงินฝาก 262,000 บาท ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เมื่อฉันตรวจสอบสมุดเงินฝากของฉันเผื่อว่าฉันออกจากธนาคาร 260.000 บาทถูกพิมพ์ออกมาหรือไม่ ? เมื่อฉันกลับไปที่หน้าต่างและตรวจสอบ พนักงานพูดว่า Sorry, Sorry ผมเสียไปเกือบ 2,000 บาท ขอให้ ❗️ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (MUFG) ‼️”

งานนี้หลังจากที่โพสต์ลงไปได้ไม่นาน ก็มีคนเข้ามาถามถึงสาขาที่เกิดเหตุจำนวนมาก โดยเจ้าของโพสต์ก็ได้มาตอบว่า “สาขาสีลม” ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

คนญี่ปุ่น ฝากเงิน หายไป 2000

พร้อมกันนี้ได้มีชาวญี่ปุ่นบางราย ออกมาคอมเมนต์เล่าประสบการณ์ตัวเอง ว่าเคยเจอเหตุการณ์ที่คล้ายกันมาแล้ว เช่น “ฉันก็เคยเป็นเหมือนกัน รู้สึกเหมือนทำโดยเจตนาขึ้นอยู่กับพนักงาน ในเวลาของฉัน ฉันแก้ไขมันอย่างเงียบ ๆ”

ทางด้านชาวเน็ตไทย เมื่อเห็นว่ามีคนญี่ปุ่นเจอปัญหาเงินหายไประหว่างฝากเข้าบัญชีธนาคาร ก็ได้แชร์โพสต์ดังกล่าวจนกลายเป็นไวรัล พร้อมแท็กหาบัญชีทวิตเตอร์ของทางธนาคารที่เป็นประเด็น เพื่อให้ออกมารับผิดชอบโดยด่วน

Advertisements

ทั้งนี้ได้มีหลายคนออกมาเตือนว่า นอกจากที่จะนับเงินให้ดีก่อนฝากเข้าบัญชีแล้วนั้น ให้มั่นตรวจเช็กสมุดบัญชีว่ามีเงินฝากเข้าครบตามจำนวนหรือไม่ด้วย เพื่อป้องกันเหตุการณ์เงินหายแบบไม่รู้ตัว.

https://twitter.com/8318Sydney/status/1607273935862910985

banner12

Eye Chanoknun

นักเขียนประจำ Thaiger จบจากคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีประสบการณ์เขียนงานผ่านเว็บไซต์ด้านความงามและแฟชั่นชื่อดังของไทยมากกว่า 3 ปี ปัจจุบันชื่นชอบการเขียนข่าวบันเทิง ภาพยนตร์ ซีรีส์ k-pop และไลฟ์สไตล์ เพื่อนำมาบอกเล่าผ่านตัวอักษร ด้วยมุมมองใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ชวนให้ติดตาม ช่องทางติดต่อ eye@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button