ผบ.กองเรือยุทธการ ปัดปมห่วงยาง-เสื้อชูชีพบน ‘เรือหลวงสุโขทัย’ ไม่ครบ
ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ โต้ปมขาดห่วงยางและ เสื้อชูชีพ บน เรือหลวงสุโขทัย ชี้สภาพอากาศแปรปรวนเป็นปัจจัยหลัก ไม่ใช่ปริมาณคน
พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ แถลงหลังจากถึงตั้งคำถามถึงประเด็นเสื้อชูชีพกับห่วงยาง หลังเหตุเรือหลวงสุโขทัยล่มว่า จำนวนกำลังพลมีมากเกินและเสื้อชูชีพที่ไม่เพียงนั้น ยืนยันว่า เรือหลวงสุโขทัย สามารถรับน้ำหนักจำนวนกำลังพลกว่า 105 นายได้แน่นอน และ ปริมาณคนไม่มีผลอะไรเลยที่จะทำให้เรือล่ม เพราะบนเรือมีปืนใหญ่หนักเป็นตันอยู่
ส่วนประเด็นเสื้อชูชีพมี 2 แบบ คือ แบบเสื้อ และ แบบห่วงยาง ซึ่งเป็นอุปกรณ์เซฟการ์ด แต่เมื่อเรือเผชิญกับคลื่นลมแรง อาจมีการกระแทกในจังหวะที่เรือหลวงสุโขทัย ดีดตัวสูงตามแรงคลื่น แล้วตกลงมากระแทกผิวน้ำอีกที อาจทำให้เสื้อชูชีพ หรือ ห่วงยาง หลุดได้ มันเป็นสถานการณ์ ที่ฉุกละหุก จากที่เคยเตรียมการกันไว้ ว่าแต่ละคนมีหน้าที่อะไร หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ก็จะไม่เป็นไปตามแผนที่ซ้อมกันไว้
พล.ร.อ.อะดุง ย้ำว่าปัจจัยที่ทำให้เรือหลวงสุโขทัยจมนั้น มาจากสภาพอากาศที่แปรปรวน เพราะอยู่มา 10 ปี ยังไม่เคยเจอทะเลคลั่งเหมือนคืนที่เกิดเหตุ
“นี่คือสิ่งที่ทหารเรือต้องเจอในห้วงออกไปลาดตระเวน ต้องต่อสู้กับสภาพอากาศ กว่าจะนำเรือกลับเข้าฝั่งได้ ถือเป็นเรื่องปกติ ที่ทหารเรือต้องพบเจอกับความแปรปรวนของอากาศ ซึ่งบางคนก็บอกว่าก็พยากรณ์อากาศได้
แล้วทำไมถึงยังออกเรือ ผมก็ต้องตอบตรงๆ ว่า เรามีเรือรบต้องออกไปช่วยชาวประมง ที่ประสบอุบัติเหตุ เรือล่ม มีคนลอยคอในทะเล ซึ่งเป็นภารกิจของกองทัพเรือที่ต้องออกไป ยิ่งสภาพแปรปวน ยิ่งต้องออกไปลาดตระเวน เป็นภารกิจ ต้องช่วยผู้ประสบภัยให้ทันท่วงที และเราก็เจอเสียเอง” ผบ.กองเรือยุทธการ กล่าว