จุกอก แฟนคู่กรณียิงบนโรงพักเปิดใจเสียงสั่น พี่ไม่ได้อยู่กับแฟน-แฟนหนูก็อยู่เรือนจำ
คดียิงกันบนโรงพัก สน.หลักสอง ภรรยามือกระสุน โฟนอินขอโทษทุกคนเสียงสั่นทั้งน้ำตา พี่ไม่ได้อยู่กับแฟน-แฟนหนูก็อยู่ในเรือนจำ เผยสภาพสามีย้อนไปวันชกต่อยทำร้าย รูม่านตาฉีกขาดต้องเลเซอร์สมานแผล วันเกิดเหตุอยู่ด้วย ตั้งใจไปถามคู่กรณีก่อนเรียกเงิน 9 ล้าน จะรับผิดชอบอะไรบ้าง แต่ไม่เคยได้คำตอบ
รายการโหนกระแสวันที่ 19 ธันวาคม 2565 เทปนำเสนอคดีเดือดยิงกันบนโรงพัก สน.หลักสอง ผู้ดำเนินรายการ “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย เชิญฝั่งคู่กรณี คุณปัด แฟนนายคมสันต์ หรือ “ม่อน อายุ 32 ปี” ผู้เสียชีวิต ถูก นายพีรสิน ชายคู่กรณีวัย 27 ปี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงดับ เหตุเกิดบนโรงพัก สถานีตำรวจนครบาลหลักสอง
โดยวันนี้ (19 ธ.ค.65) ช่วงหนึ่งในรายการ “กรรชัย” ได้สัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์กับ คุณแอน (นามสมมติ) ภรรยานายพีรสิน หรือ “พี” เปิดใจมุมฝั่งผู้ก่อเหตุ ปมตัดสินใจลั่นไกบนสถานีตำรวจข้อเท็จจริงวันเกิดเหตุเป็นอย่างไรหลังสาวที่คนรักกำลังต้องรับโทษทางกฏหมายอยู่ด้วยในวันลั่นไก
” ก็จริง ๆ เราต้องการเรียกไปเจรจากันเนี่ยแหล่ะค่ะ เพื่อให้เขาแสดงความรับผิดชอบว่าเขาทำร้ายร่างกายแฟนเรา ทีนี้ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุจนหนูติดต่อนักข่าวไปวันที่ 30 คือต้องให้คุณตำรวจช่วยดูกล้อง ซึ่งหนูก็เป็นคนไปดูด้วย เพราะว่าตอนนั้นหลังเกิดเหตุพีเขาขับรถตามเพื่อให้คู่กรณีหยุดรถและมารับผิดชอบตัวเขาที่ทำแล้วก็ขับรถหนีไป ” คุณแอน เริ่มเล่าปมความขัดแย้งก่อนนำมาซึ่งเหตุการณ์สามีนายพีโดนทำร้าย
คุณแอน แฟนนายพีรสิน ยังเล่าต่อถึงอาการของสามีหลังจากโดนทำร้ายจนสาหัสต้องเข้ารับการรักษาดวงตาที่มีอาการของรูม่านตาฉีกขาด รักษาเสร็จมีผลกระทบของอาการฝ้า นอนไม่ค่อยหลับ รู้สึกปวดหลาย ๆ อย่าง
“ตอนนั้นเขาเจ็บมากค่ะ สาหัส หยุดหลายวัน ไม่ได้ทำการ-ทำงาน ตาเป็นอวัยวะที่ต้องใช้และก็บอบบางมาก ใช่ ใช่ ๆ ค่ะ มีอาการที่ตาเอฟเฟ็กต์เยอะมาก ” ภรรยาผู้ก่อเหตุ ระบุ
กรรชัย ถามพอจะพูดได้ไหม อะไรคือ ? เหตุทำให้ต้องชักปืนออกมายิง
ต่อมา “หนุ่ม กรรชัย” พยายามสอบถามถึงประเด็นว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ถึงกับต้องชักอาวุธปืนออกมายิงต่อหน้าตำรวจบนโรงพัก
คุณแอน ตอบว่า วันที่เข้าไปพบกับคู่กรณี คือ ฝั่งของนายม่อนและคุณปัดแฟนสาวนั้น ฝ่ายของเธอตั้งใจไปเพื่อเจรจาสอบถามว่าจะชดเชยค่าเสียหายหรือรับผิดชอบอะไรบ้าง ? กรณีที่ทำร้ายร่างกายกันจนบาดเจ็บสาหัส
” ก็หนูจริง ๆ หนูก็ คงเข้าไป เป็นคนเปิดก่อนถามฝั่งนู้นค่ะว่าทางคุณมีตัวเลขรับผิดชอบค่ารักษาหรืออะไรไหม ทนายฝั่งเราเสนอก่อน ทางนู้นตอบไม่มี ตำรวจบอกอย่างนั้นเปิดตัวเลขได้เลย เปิดไป 9 ล้านบาท แล้วหลังจากนั้นตำรวจแจ้งประมาณคงไม่ถึงขั้นนั้น จำคำพูดไม่ได้ อยากให้ไปดูที่ให้ปากคำ จำภาพไม่ได้ชัดเจนทุกคำพูด ”
” แต่ทางคู่กรณี หนูถามอะไรไปเขาไม่ตอบ มีตอบครั้งอยู่ครั้งหนึ่ง ทำไมทำร้ายแฟนหนูรุนแรงขนาดนี้ เขาก็บอกประมาณเหตุผลของเขาว่ามาจากขับรถยนต์ปาดหน้า เปิดไฟสูง แล้วก็หยุดพูดหันไปมองพี่ผู้หญิงอีกคนไม่ทราบเป็นใคร ขอถามต่อพี่รู้ไหมพี่ทำผิด เขาเงียบขอนุญาต่อเพราะตำรวจก็ไม่ได้ห้ามอะไร ” แอน ภรรยาผู้ก่อเหตุ เล่าวันที่เดินทางไปเจรจากับคู่กรณีเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2565 ก่อนที่เธอจะได้ซักถามคู่กรณีวันไกล่เกลี่ยซึงเป็นวันเดียวกับที่เกิดเหตุต่อว่า
” แล้วพี่รับผิดชอบอะไรกับแฟนหนูได้บ้าง เขาก็เงียบ หนูก็เลยบอกว่าตั้งแต่เกิดเหตุถึงวันนี้ที่เราเจรจากัน พี่ไม่เคยโทรหาหนูเลย พี่ให้ทนายโทรหาหนูแค่ครั้งเดียว ไม่มีการแสดงความเสียใจหรืออะไรเลยว่าอยากรับผิดชอบ คือ ไม่ใช่ว่าทางเราไม่ให้ไม่ประนีประนอมนะคะ แค่คุณบอกว่าค่ารักษาเท่าไหร่เรายังไม่รู้ผมให้คุณก่อน ผมมีอยู่เท่านี้ ผมขอโทษ สิ่งที่เราอยากได้คือตรงนี้มันไม่มีเลย ” คุณแอน กล่าว
จากนั้นในรายการมีการถามถึงจุดที่ยิง ซึ่งฝั่งภรรรยาของผู้ก่อเหตุที่ให้สัมภาษณ์สดทางโฟนอิน ตอบว่า เธอเองไม่ทราบ
” หนูไม่รู้ตรงไหนที่เขายืน หนูนั่งอยู่ขางหน้าเพื่อถามคำถามอย่างเดียว หลังจากนั้นเสียงปืนก็สนั่นข้างหูอื้ออึงไปเลย ” หญิงผู้เป็นภรรยาคนก่อเหตุรัวกระสุน ยืกรานชัด
ทนายเพชร ระบุ ผู้ก่อเหตุมีลักษณะขับรถยั่วยุ
ก่อนอธิบายแง่มุมกฎหมาย ทนายเพชร เอกสิทธิ์ ศรีสังข์ นักกฏหมายหัวหน้าสำนักงานพิศิษฐ์ ศรีสังข์ ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทั้งฝั่งของคุณแอน (นามสมมติ) และคุณปัดแฟนสาวผู้เสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ “ทนายเพชร” กล่าวว่า ในมุมของภรรยาผู้ตาย (นายม่อน) โดนโจมตีหนักมากทางสื่อโซเชียล ทำให้ต้องขอนุญาตชี้แจงว่า มีการสร้างข่าว-สร้างประเด็นว่า ผู้ตายสมควรตายแล้วเนื่องจากไปก่อเหตุทำร้ายเขาก่อน
ตรงนี้ทางนักกฏหมายเองกล่าวกับผู้ร่วมรายการและกรรชัยว่า อยากให้ย้อนไปถึงกรณีที่อ้างว่าผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุก่อนซึ่งทางฝ่ายหญิงภรรยาผู้ก่อเหตุอ้างอย่างนั้น ต้องถามก่อนว่าคนเรา ถ้าขับรถไปดี ๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตนขอถามว่าจะมีการไปปาขวดปาอะไรกันไหม จริงแล้วฝั่งเรา (ผู้ตายและคุณปัด) ก็มีพยานยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุมีลักษณะในการขับรถยั่วยุ ขับรถจี้ ขับรถเปิดไฟสูง พยายามปาด พยายามท้าทายจนกระทั่งเกิดเหตุปาขวด
หลังจากนั้นทนายหนุ่มกล่าวต่อก็มีเหตุการณ์ชกต่อยทำร้ายกันจริง ส่วนที่ผิดนั้น ผิดแน่นอน แต่ประเด็นที่มีการพยายามสร้างประเด็นในเฟซบุ๊กในทางสื่อต่าง ๆ ว่าใช้สนับมือต่อยหรือว่ารุมทำร้าย พยานหลักฐานก็ค่อนข้างจะชัดเจนว่า “ไม่ใช่เรื่องจริง” เพราะว่าใบรับรองแพทย์ครั้งแรกก็ไม่ระบุว่ามีการใช้สนับมือ (knuckle-duster) ต่อย
ทนายเพชร ยังกล่าวอีกว่า ผู้ก่อเหตุได้มีการไปขอใบรับรองแพทย์ครั้งใหม่มาอีกครั้ง อ้างว่าเกิดจากสนับมือ มุมนี้ก็อาจจะเกิดจากการเล่าให้แพทย์ฟังเพราะว่าผู้ก่อเหตุนั้นสวมแว่น ในใบรับรองแพทย์ระบุถูกของแข็งกระทบ ซึ่งคำว่าสันนิษฐานว่าของแข็งกระทบ ทนายเพชรมองว่าน่าจะเกิดจากครั้งที่มีการเล่าให้แพทย์ฟัง
ทนายที่เข้ามาดูคดีฝั่งของผู้ตาย มองในมุมของตนการที่ใส่แว่นแล้วถูกของแข็งกระทบนั้นน่าจะเกิดจากการใช้แว่นมากกว่า
หรือการพยายามออกข่าวว่า ไปมุมทำร้ายเขาก่อนสมควรเสียชีวิตแล้ว ทนายเพชร ระบุ พยานหลักฐานในสำนวน พนักงานสอบสวนสอบสวนคนกลางที่เป็นคนถ่ายคลิปที่เกิดเหตุแล้ว ยืนยันว่าน้องชายที่ลงไปนั้นเข้าไปห้ามแล้วก็ยกเลิกไม่ได้ตั้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย
ส่วนประเด็นคำว่าที่ “ก่อเหตุก่อน” ก็ต้องดูว่า เหตุทำร้ายครั้งนี้มีส่วนร่วมมาตั้งแต่ต้นหรือเปล่า ส่วนที่อ้างว่าตาบาดเจ็บมาก ที่อ้างว่าสูญเสียการมองเห็น ตรงนี้มุมนักฏหมายไม่ขอยืนยันเพราะเนื่องจากยังไม่เห็นใบรับรองแพทย์
ตอนท้ายทนายได้กล่าวสรุปถึงมุมของข้อกฏ โดยระบุ สุดท้ายตนเองเชื่อว่ามีกระบวนการทางกฎเกณฑ์ คำสั่ง หรือข้อบังคับที่ถูกตั้งขึ้นโดยรัฐอยู่แล้วละมีสภาพบังคับเป็นเครื่องมือในการทำให้บุคคลในสังคมต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ คำสั่ง หรือข้อบังคับนั้นจึงไม่อยากให้ใช้สื่อโซเชียลหรือไปใช้การสร้างความชอบธรรมในการที่จะมาใช้อาวุธปืนตัดสินคนอื่นโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติตธรรม
นอกจากนี้ ในฐานะประธานชมรมทนายความจังหวัดชลบุรีและก็รู้จักกับทนายอนุสรณ์ วิชาธร ที่ถูกยิงในวันเกิดเหตุด้วยเป็นการส่วนตัว ทนายเพชรก็พูดในส่วนของตัวเอง โดยอยากจะบอกกับฝั่งผู้ก่อเหตุ การที่คุณไปยิงทนายความโดยที่ไม่รู้จักเขามาก่อน
ทนายความดังกล่าวไม่มีการไปแสดงปฏิกิริยาข่มขู่ ทำตามมาตราฐานวิชาชีพ ไปยิงเขามีสาเหตุอะไร ครอบครัวผู้เสียหายเดือดร้อน นายเอกสิทธิ์ หรือ ทนายเพชรก็ได้ฝากคำถามไปยัง ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมานั่งพูดคุยในรายการด้วยถึงแนวทางเยียวยาช่วยเหลือหรือดูแลทนายความที่ประสบอุบัติเหตุจากการประกอบวิชาชีพเช่นนี้ด้วย
ทั้งนี้ ช่วงท้ายหลังเสร็จสิ้นการกล่าวถึงกระบวนการเอาผิดทางข้อกฏหมายจบแล้ว “แอน ภรรยาผู้ก่อเหตุ” ตอบคำถามกรรชัยหลังเกิดเหตุที่สามียิงคู่กรณีดับแล้วเธอถูกไล่ลงจากรถ (หลังก่อเหตุยิงนายคมสันต์) เธอโกรธพีมากจนไม่ได้คุยกัน
เมื่อถูกถามว่าจะเอาอย่างไรต่อไป
* หมายเหตุ อาจมีข้อความหรือประโยคที่เนื้อหาและความหมายการตีความค่อนข้างละเอียดอ่อน
” ก็ตอนนี้ถ้าเกิดว่าแฟนพี่คมสันต์อยู่ที่นั่น ก็ฝากขอโทษ ตอนแรกหนูตั้งใจจะโทรศัพท์ไปหาวันนี้แหล่ะค่ะ คือ หนูตั้งใจที่จะขอโทษจริง ๆ ค่ะ หนูไม่อยากให้เกิดการสูญเสียกับใครทั้งนั้น ” คุณแอน (นามสมมติ) ให้คำตอบกับผู้ดำเนินรายการอย่างกรรชัยที่วันนี้ค่อนข้างซักถามในบางประเด็นด้วยท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้กับแขกรับเชิญทั้งสองฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่ดูแบ่งรับแบ่งสู้กว่าทุกเคสที่ผ่านมา
” ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครอีกหลาย ๆ คน หรือว่าทั้งแต่ตัวพี่หรือว่าตัวหนู เพราะว่าเราก็สูญเสียทั้งคู่ หนูก็ไม่ได้อยู่กับแฟน เขาอยู่ในเรือนจำ แล้วพี่ก็ไม่ได้อยู่กับแฟนพี่ หนูไม่อยากให้เกิดการสูญเสียอย่างนี้ขึ้น หนูขอโทษจริง ๆ (เสียงร้องไห้) ค่ะ หนูก็จะพยายามทุกอย่างที่เยียวยาได้ พอทำได้หนูก็จะพยายาม (เสียงร้องไห้) ”
” หนูก็ต้องขอโทษทุก ๆ ฝ่าย ทุก ๆ คน จริง ๆ ค่ะ หนูไม่อยากให้เกิดแบบนี้ ” ภรรยานายพี พูดและตอบคำถามด้วยเสียงสั่นเครือและร้องไห้เกือบตลอดการสัมภาษณ์
เทปรายการโหนกระแส วันที่ 19 ธันวาคม คดียิงกันบนโรงพักสน.หลักสอง EP.1354
ขอบคุณภาพ-ข้อมูล : รายการโหนกระแส
