หนึ่งในผู้เข้าสอบเผยมีการ โกงสอบนายสิบ เกิดขึ้น แฉจ่ายเงิน 4.2 แสนบาท เพื่อแลกโพยข้อสอบ เล่าการคุมข้อสอบหละหลวมเหมือนเปิดทางให้ทุจริต
หญิงสาวรายหนึ่งที่เป็นผู้สมัครสอบนายสิบเข้าสังกัดภูธรภาคห้าได้ติดต่อสำนักข่าวไทยรัฐ เพื่อคุยหลังจากที่มีกระแสข่าวเรื่องการโกงสอบนายสิบเกิดขึ้น และทำให้เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปก่อนหน้านี้นั้น โดยหญิงคนนี้เล่าว่าตนเป็นหนึ่งในผู้สมัครสอบนายสิบตำรวจสายอำนวยการในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 สนามสอบมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
ก่อนที่จะมีการประกาศรับสมัครสอบ ประมาณเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้รับการชักชวนจากผู้ปกครองของเพื่อนคนหนึ่ง บอกว่ามีส่วนกลางพร้อมให้ความช่วยเหลือในการสอบ โดยคิดค่าใช้จ่าย 420,000 บาท เพื่อแลกกับโพยคำตอบ ซึ่งตัวเธอปฏิเสธแต่เพื่อนของเธอจ่ายไป 3 หมื่นบาท และจะจ่ายที่เหลือเมื่อสอบติด
เมื่อถึงวันสอบจริง เธอก็พบความผิดปกติหลายอย่างภายในห้องสอบ เช่น การตรวจค้นที่ใช้เพียงอุปกรณ์ตรวจหาวัตถุ แต่ไม่มีการตรวจค้นตัว เมื่อเข้าไปนั่งสอบก็พบว่ามีการจัดที่นั่งเป็นคู่ ไม่ได้แยกห่างกันทุกคน ระหว่างการสอบก็ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาคุมภายในห้อง แต่คุมอยู่บริเวณหน้าห้อง ระหว่างนั้นมีผู้เข้าสอบขออนุญาตเข้าห้องน้ำ แม้ว่าคนคุมสอบจะตามไปคุมที่ห้องน้ำด้วย แต่ก็อนุญาตให้ไปพร้อมกันสองสามคน มาตรการคุมสอบในวันดังกล่าว หากเทียบกับการสอบทั่วไปในมหาวิทยาลัย ถือว่าการคุมเข้มมีน้อยกว่า ถือว่าหละหลวม จนทำให้คิดไปได้ว่า เป็นการเปิดทางให้ทุจริตได้สะดวก
ภายในหลัง เพื่อนเธอสอบตำรวจไม่ผ่าน โดยเพื่อนเล่าว่าโพยข้อสอบตำรวจเป็นกระดาษที่มีขนาดประมาณสลิปใบเสร็จรับเงินของร้านสะดวกซื้อ โดยเธอได้รับกระดาษแผ่นนี้ในช่วงบ่าย แต่ไม่ได้หยิบออกมาดู เพราะกลัวโดนจับได้ ซึ่งหลังจากประกาศผลสอบ เพื่อนของเธอก็ได้ส่งตัวอย่างโพยคำตอบมาให้ดู แต่เป็นโพยของสนามสอบอื่น ซึ่งเธอลองดู ก็ไม่รู้ว่าใช้วิธีอ่านอย่างไร แต่ก็เชื่อว่าจะมีการติววิธีอ่านโพยกันก่อนหน้านี้
สาวคนนี้เปิดใจอีกว่า เธอตั้งใจกับการสอบและเตรียมตัวอ่านหนังสือมานานเกือบสองปี เชื่อว่ามีการทุจริตการสอบอย่างแน่นอน ซึ่งเธอเองมองว่าไม่ยุติธรรม เพราะนอกจากการทุจริต ก็ยังพบว่ามีคนชื่อซ้ำในการประกาศผลสอบด้วย บางคนมีนามสกุลเดียวกับนายตำรวจระดับสูง จึงรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับคนที่ตั้งใจจริง
ส่วนที่ออกมาให้ข้อมูล ก็เพราะอยากให้การสอบโปร่งใสไร้ทุจริต อยากให้คนที่จะเข้าไปเป็นตำรวจต้องมีความซื่อสัตย์ เพราะหากเข้าไปได้ด้วยวิธีนี้ การทำงานในชีวิตราชการก็คงจะมีวิธีคิดไม่ต่างกัน อยากให้การสอบในอนาคต มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดมากกว่านี้.
