เทรนด์สีผม 2023 เปลี่ยนลุคให้โฉบเฉี่ยว เพิ่มเสน่ห์ในตัวคุณ เฉิดฉายรับปีใหม่
ปีใหม่ทั้งทีก็ต้องเปลี่ยนลุคเปลี่ยนสไตล์กันสักหน่อย เพราะฉะนั้นใครที่เป็นสายแฟชั่นอย่าได้พลาดกับ “เทรนด์สีผม 2023” รวมสีฮิตทีมาแน่ในปีหน้า แม้จะมาแล้วในปีนี้ แต่ก็ยังคงสวยแบบใหม่แบบสับได้อยู่ ย้อมแล้วดูดีเข้ากับทุกสีผิว โดดเด่นกับทุกทรงผม พร้อมเทคนิคการย้อมสีผมให้ติดทนอยู่นาน การเปลี่ยนสีผมให้สว่างหรือเข้มขึ้นส่งผลต่อความงดงามของใบหน้า หากเลือกถูกเฉดก็จะขับให้วงหน้าเราดูโดดเด่น ไม่หมองได้
ทั้งนี้สีผมที่ทางเดอะไทยเกอร์ได้รวบรวมมาให้ดูนั้น บางสีก็สามารถย้อมเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน บางสีก็ขอแนะนำให้ไปทำที่ร้านซาลอน และบางสีก็อาจจะต้องรอเวลาเพื่อให้ผมเปลี่ยนสีไปเองตามธรรมชาติ แต่ไม่ว่าจะสีไหนก็สามารถตามเทรนด์ฮิตได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย รับรองว่าไม่มีทางบ้งแน่นอน ว่าแต่จะมีสีอะไรที่อยู่ในกระแสปี 2023 บ้างนั้น ไปติดตามดูพร้อมกันเลยดีกว่า
13 เทรนด์สีผม 2023 สีย้อมและสีตามธรรมชาติ ดูดีได้ทั้งชาย-หญิง
1. ผมสีบลอนด์
เริ่มต้นกันที่ผมสีบลอนด์ซึ่งยังคงเป็นเทรนด์สีผมยอดฮิตต่อเนื่องจนถึงปี 2023 โดยความโดดเด่นของสีบลอนด์แต่ละเฉดนั้นก็จะต่างกันด้วยเทคนิค ทั้งแบบไฮไลต์ผมล้อมกรอบหน้า ที่เรียกว่า money piece หรือจะสีบลอนด์สไตล์ชาวสแกนดิเนเวีย ไปจนถึงผมบลอนด์เฉดสีเข้มแบบสีอบเชย ซึ่งก็ต้องมาดูกันอีกทีว่าโทนสีผิวของคุณนั้นเหมาะกับผมสีบลอนด์เฉดไหน
สำหรับการทำผมสีบลอนด์ออกมาให้ดูดีนั้น เฉดสีที่ทำจะต้องดูกลมกลืนเข้ากับสีผิว เช่นผู้หญิงที่มีผิวสีอบอุ่น ออกไปทางโทนผิวส้มหรือเหลือง ควรทำสีผมบลอนด์เฉดสีทอง มีความติดเหลืองส้มเป็นประกายนิด ๆ เพื่อไม่ให้สีผมดูโดดจากสีผิวเกินไป นอกจากนี้การพิจารณาเลือกสีผมเฉดสีบลอนด์ยังต้องดูที่สีคิ้วร่วมด้วย เพื่อให้ลุคหลังย้อมผมดูเป็นธรรมชาติไม่ขัดตา
2. ผมสีชมพู
เถียงไม่ได้เลยว่าเทรนด์ผมสีชมพูจะต้องมาแรงในปี 2023 อย่างแน่นอน เพราะเป็นสีที่อยู่ระหว่างขาว-แดง จึงทำให้เข้ากับทุกสีผิว ไม่ว่าคุณจะผิวสีเข้มมาก หรือผิวสว่างมาก หากทำผมสีชมพูยังไงก็ต้องออกมาดูดี โดยเฉพาะสีชมพูเฉดอ่อนแบบพาสเทลจะช่วยให้คุณดูกลมกลืนไม่สะดุดตาใครมากนัก (เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ)
อย่างไรก็ตาม การทำสีผมที่ไม่ใช่โทนสีธรรมชาติหรือสีทั่ว ๆ ไป แม้คุณจะเข้าไปใช้บริการร้านทำผม แต่ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมแตกต่างกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับผู้ที่ย้อมสีผมครั้งแรก ซึ่งเม็ดสีจะทำปฏิกิริยากับเส้นผมต่างจากคนที่เคยผ่านการย้อมผมมาก่อนแล้ว ดังนั้นควรศึกษาคู่มือรวมถึงผลิตภัณฑ์ก่อนย้อมเพื่อให้ได้สีผมที่ตรงใจที่สุด
3. ผมสีฟ้า
นอกจากสีชมพูก็ผมสีฟ้านี่แหละที่ต้องมาแรงแซงโค้งในปี 2023 ดูได้จากกระแสที่หลายคนเริ่มหันมาสนใจย้อมผมสีฟ้ากันในช่วงปีนี้ ซึ่งมีแนวโน้มว่าสีฟ้าจะยิ่งฮิตมากขึ้นในปีหน้า ทั้งนี้ช่างทำผมหลายคนก็แนะนำว่าถ้าจะให้สีย้อมผมติดทนนานควรใช้ Hair Toner หลังการฟอกสีผมร่วมด้วย เพื่อป้องกันปัญหาผมติดเหลืองหลังฟอก
อย่างไรก็ตาม การเลือกย้อมผมโทนสีฟ้าจำเป็นต้องใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนเลือกสีเลยทีเดียว แม้ว่าจะเป็นสีเดียวกันแต่เฉดต่างกันก็ทำให้ภาพลักษณ์ของเราดูแตกต่างกันได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งเราควรจะเลือกสีย้อมผมที่เข้ากับเส้นผมได้ดี รวมถึงเข้ากับโทนสีผิวและสไตล์ของเราด้วย นอกจากนี้สีฟ้ายังเป็นสีที่ทำออกมาให้ดูดีได้ยาก ดังนั้นถ้าใครไม่ใช่มือโปรก็แนะนำว่าไปทำที่ซาลอนจะดีกว่า
4. ผมสีแดง
สีชมพูก็มี สีฟ้าก็มา แล้วจะขาดสีแดงไปได้อย่างไรกับเทรนด์สีผมยอดฮิตในปี 2023 นี้ เพราะเป็นสีที่ดูฉูดฉาดและไม่เป็นธรรมชาติมาก ๆ และยิ่งถ้าเราดูแลเส้นผมหลังการย้อม ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมที่มีค่า pH สมดุล ก็จะยิ่งช่วยรักษาเม็ดสีให้ติดผมได้ยาวนานมากขึ้น
ทั้งนี้บางคนก็อาจจะมีพื้นสีผมเป็นสีโทนแดงอยู่แล้ว แต่อยากจะย้อมให้ผมเป็นสีแดงมากขึ้นไปอีก ก็อาจจะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสักหน่อย โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีพื้นสีผมแดงมักจะมีเส้นผมที่หนากว่าคนอื่น ถ้าไม่ทำการย้อมให้ดีก็จะทำให้ดีผมสีแดงที่ออกมาไม่สวยนั่นเอง
5. ผมสีทองแดง
เทรนด์สีผมสุดฮิตปี 2023 อีกสีหนึ่งที่น่าทำคือสีทองแดง แม้ว่าจะมีสีที่คล้ายกับสีแดง แต่ด้วยความที่สีทองแดงนั้นดูสดใสมากกว่าจึงค่อนข้างเหมาะกับคนผมยาวที่มีเส้นผมสุขภาพดีเงางาม แถมยังสีทองแดงยังเข้าได้ดีกับทุกพื้นสีของเส้นผมคนเราด้วยนะ ยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่มีโทนสีผิวออกไปทางเหลืองเล็กน้อย จะยิ่งทำให้การย้อมผมสีทองแดงดูโดดเด่นมากขึ้น
ทั้งนี้เราก็มีทริคเล็ก ๆ สำหรับการวิเคราะห์โทนสีผิวมาฝากกันด้วย โดยสามารถดูได้จากสีของเส้นเลือดบริเวณท้องแขน หากเส้นเลือดเป็นสีฟ้าหรือสีม่วง แปลว่าเรามีสีผิวโทนเย็น ออกไปขาวหรืออมชมพู แต่ถ้าเส้นเลือดเป็นสีเขียว แปลว่าเรามีผวสีโทนอุ่น จะออกไปทางขาวเหลือง
6. ผมสีขาว
สำหรับเทรนด์ผมสีขาว 2023 จะแตกต่างจากสีบลอนด์อยู่นิดหน่อย โดยการย้อมสีขาวจะเน้นภาพลักษณ์หลังทำที่ดูโดดเด่นมากกว่าภาพลักษณ์ที่ดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ อีกทั้งสีบลอนด์ยังเป็นสีที่มีความติดเหลืองมากกว่าสีขาวด้วย ซึ่งหัวใจของการย้อมผมสีขาวคือต้องไม่มีเม็ดสีใด ๆ เจือปนเลย จึงจะทำให้สีผมหลังย้อมออกมาดูขาวสวย
แต่ปัญหาหนึ่งของการย้อมสีขาวคือหลังย้อมผมเสร็จอาจทำให้ผมดูแห้งมาก ซึ่งสามารถแก้ได้ด้วยการนำแป้งข้าวโพดมาผสมกับผลิตภัณฑ์ย้อมสีผม เพราะแป้งข้าวโพดจะช่วยยกระดับการปกป้องเส้นผมจากเคมีย้อมสีผม ดังนั้นก็มันใจได้เลยว่าหลังย้อมสีขาวที่ผมเสร็จแล้ว ผมของคุณจะดูสุขภาพดี ไม่แห้งชี้ฟูอย่างแน่นอน
7. ผมสีเทา
อีกเทรนด์สีผมมาแรงปี 2023 ที่บอกเลยว่าสวยและโดดเด่นคงหนีไม่พ้นผมสีเทาอย่างแน่นอน โดยปกติแล้วผมสีเทาหรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่าผมหงอกเนี่ย ย่อมเกิดขึ้นโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจะรอช้าอยู่ทำไม ก็สู้ทำให้เป็นสีผมในกระแสไปซะเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปย้อมสีอื่นยังไงล่ะ แต่ก็ต้องหมั่นดูแลเส้นผมให้ดีด้วยนะ ไม่เช่นนั้นผมคุณอาจดูกระเซอะกระเซิงไม่เรียงเส้นสวยอย่างที่คาดหวัง
สำหรับทริคเล็ก ๆ ที่เราขอแนะนำสำหรับคนที่คิดจะไว้ผมให้กลายเป็นสีเทา (หรือไว้ผมหงอก) คือการตัดแต่งทรงผมให้เข้ากับรูปหน้า เพราะจะช่วยเพิ่มเสน่ห์คุณในขณะที่กำลังย่างเข้าสู่วัยผู้สูงอายุให้ดูแซ่บมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมคุณภาพดียังช่วยทำให้ผมดูไม่แห้งเสีย มีน้ำหนัก จัดทรงง่าย เสริมบุคลิกของคุณให้ดูเจิดจรัสมากขึ้นไปอีก
8. ผมสีดำ
ไม่น่าเชื่อว่าเทรนด์ผมสีดำจะเข้ามาอยู่ในกระแสปี 2023 โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือสีผมดำสนิท เพราะเป็นสีผมที่หากได้รับการบำรุงอย่างดีแล้วละก็ จะทำให้บุคลิกของคุณดูเฉิดฉายขึ้นเป็นกอง ยิ่งผมดำหยักศกหรือผมหยิกมาก ๆ หากดูแลผมให้สุขภาพดีจะทำให้ผมเงางามอยู่ทรงสวยปังเกินต้านกว่าใครเลยทีเดียว
นอกจากลุคแบบมินิมอลน้อยแต่มากที่จะได้จากการย้อมผมสีดำแล้ว การดูแลเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผมประเภทน้ำมันยังจะช่วยเพิ่มวามเงางามให้ผม ทำให้คุณดูมีชีวิตชีวาได้โดยไม่จำเป็นต้องทำสีผมที่ฉูดฉาด อีกทั้งยังเป็นพื้นสีผมของใครหลาย ๆ คนอีกด้วย หากต้องย้อมให้ดำสนิทก็ทำได้ง่ายกว่าสีอื่น ๆ
9. ผมสีน้ำตาลแดง
ฟังชื่อสีผมโทนน้ำตาลแดงแล้วดูเฉยไปหน่อยสำหรับปี 2023 แต่ถ้าบอกว่าผมคล้ายสีไวน์แดง หลายคนต้องจินตนาการออกแน่นอน เป็นสีที่ได้รับการผสมผสานระหว่างสีแดงโทนสว่างกับสีม่วงอมแดง (burgundy) และการที่พื้นสีเป็นสีน้ำตาลก็ช่วยลดความฉูดฉาดหลังการย้อมผมได้อย่างดีอีกด้วย บอกเลยว่าผมสีน้ำตาลแดงนี้เหมาะกับคนที่ต้องการย้อมสีผมสวย ๆ แต่ก็ยังให้ลุคที่ดูสุภาพอยู่
ถึงแม้จะบอกว่าเป็นสีผมโทนน้ำตาลแดง แต่ก็ยังเต็มไปด้วยหลากหลายเฉดให้เลือกย้อม ซึ่งการเลือกระดับสีน้ำตาลแดงให้เหมาะสมกับโทนสีผิวของเรา จะยิ่งขับผิวให้ดูผ่องมากขึ้น และทำให้สไตล์ของเรามีภาพรวมที่ดูดีมาก ๆ เพราะเพียงแค่โทนสีผิวต่างกันเล็กก็มีผลต่อภาพลักษณ์หลังทำการย้อมสีผมแล้ว เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมเลือกเฉดสีให้เข้ากับตัวเราที่สุดด้วยล่ะ
10. ผมสีช็อกโกแลต
เทรนด์สีผมยอดฮิตมาแรงที่มาแน่ในปี 2023 ยังคงอยู่กับสีโทนน้ำตาลกับเฉดผมสีช็อกโกแลต ซึ่งเป็นสีผมที่ไม่ถึงกับเป็นสีน้ำตาลเข้มจนดูดำมากเกินไป โดยระดับของเฉดสีน้ำตาลช็อกโกแลตในผลิตภัณฑ์ย้อมผมจะอยู่ที่เลเวล 6.7 ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปที่จำหน่ายอุปกรณ์สำหรับทำสีผม
นอกจากนี้ผมสีช็อกโกแลตยังเข้ากันได้ดีกับคนที่มีโทนสีผิวอบอุ่น ออกไปทางเหลืองหรือน้ำตาลเข้มอีกด้วย โดยการย้อมผมสีช็อกโกแลตจะทำให้คุณดูมีสไตล์ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ทั้งนี้เราก็มีทริคเล็ก ๆ สำหรับคนที่ชอบผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมแบบออร์แกนิกมาฝากด้วย คือการลองใช้น้ำยาย้อมผมที่มีเบสเป็นน้ำมะพร้าวและว่านหางจระเข้ รับรองว่าหลังย้อมเสร็จผมของคุณจะดูมีน้ำหนักและไม่แห้งกร้านแน่นอน
11. ผมสีดอกไลแลค
รับประกันวามาแรงมากในปี 2023 สำหรับผมสีดอกไลแลค ด้วยความสวยเหมือนอยู่ในโลกแฟนตาสี แถมยังเป็นสีที่ช่วยขับผิวให้ดูผ่องขึ้น และสามารถเข้าได้กับทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะหน้าร้อน หน้าฝน หรือหน้าหนาว สีดอกไลแลคก็ชนะเลิศไปเต็ม ๆ
แต่ทั้งนี้หากใครที่ต้องการจะทำผมสีดอกไลแลคแล้วละก็ ควรจะระวังเรื่องการบำรุงรักษาเส้นผมกันสักเล็กน้อย เนื่องจากสีประเภทนี้ไม่ใช่สีเดียวกับพื้นผม การสระผมบ่อย ๆ ด้วยแชมพูที่ไม่มีส่วนช่วยรักษาเม็ดสีที่ผม ก็อาจจะทำให้สีผมจางเร็ว แล้วต้องเสียเวลากลับมาย้อมใหม่อีกครั้ง
12. สีผมแบบไล่เฉดสี
แม้จะดูเป็นเทคนิคที่ทำยาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเทรนด์สีผมแบบไล่เฉดสี หรือ ออมเบร (Ombre) ต้องมาเยือนกระแสเทรนด์ปี 2023 แน่ ๆ เพราะเทคนิคออมเบรนี้จะช่วยทำให้สีผมของคุณดูเปล่งประกายมาก เนื่องจากต้องทำการย้อมสีผมไล่จากเฉดสีเข้มไปสีอ่อน ทำให้ตั้งแต่โคนจรดปลายผมมีสีที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
และการทำผมแบบออมเบรจะแตกต่างจากการทำสีแบบไฮไลต์ เพราะการทำไฮไลต์ผมนั้นจะสุ่มจับช่อเส้นผมมาทำสีทั่วหนังศีรษะ แต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็ค่อนข้างคล้ายคลึงกันยกเว้นว่าจะใช้สีที่ต่างกันมาก ๆ มาย้อมเส้นผมด้วยการไฮไลต์ ด้วยเทคนิคนี้จะทำให้เห็นความต่างอย่างชัดเจนว่าเราทำการย้อมผมแบบออมเบรหรือแค่ไฮไลต์
13. สีผมแบบไฮไลต์
การทำสีผมแบบไฮไลต์เป็นช่อ ๆ สามารถทำได้ 2 วิธี โดยวิธีแรกช่างทำผมจะใช้หมวกที่มีรูเพื่อดึงเส้นผมบางส่วนออกมาเป็นช่อ จากนั้นก็ลงสีเพื่อทำสีไฮไลต์ให้กับเส้นผมที่อยู่นอกหมวก วิธีนี้นับว่าเป็นวิธีทำไฮไลต์สีผมที่รวดเร็ว แต่อาจจะมีเจ็บบ้างตอนดึงช่อผมผ่านรูของหมวกทำสีผม
ส่วนวิธีต่อมาเป็นวิธีการทำไฮไลต์ที่เบสิกสุด ๆ นั่นคือการแยกผมออกมาเป็นช่อเล็ก ๆ แล้วใช้ฟอยล์อลูมิเนียมรองเส้นผมไว้ จากนั้นจึงค่อยทาสีลงไปที่ผม โดยเริ่มทำตั้งแต่ผมบริเวณท้ายทอยไล่ไปจนถึงกลางศีรษะ ทั้งนี้ไม่ว่าจะทำไฮไลต์ด้วยวิธีไหนก็ควรเลือกเฉดสีที่จะทำให้เป็นสีเดียวกับพื้นผมแต่สีอ่อนกว่า 2 ระดับ
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย หนุ่ม ๆ สาว ๆ ทั้งหลาย เตรียมหนังศีรษะของคุณไว้สำหรับย้อมสีผมกันหรือยัง ปีใหม่นี้ใครอยากจะแปลงโฉมตัวเอง New Year, New Me ก็สามารถทำสีผมตามกระแสสีผมมาแรง 2023 ที่ทางเดอะไทยเกอร์แนะนำไว้ได้เลย และที่สำคัญทำผมเสร็จแล้วก็ต้องหมั่นดูแลรักษาด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มีคุณภาพด้วยล่ะ สีผมสวย ๆ จะได้อยู่กับเราไปตลอดทั้งปี.