ปัญหาน้ำรั่วซึมจากบริเวณรอยต่อ รอยร้าวผนังบ้าน ขอบมุมกระจก วงกบประตูหน้าต่าง หรือช่วงรอยต่อสุขภัณฑ์ต่างๆ เป็นปัญหาชวนปวดหัวสำหรับคนรักบ้านเป็นที่สุด ปัจจุบันวัสดุอุดแนวรอยต่อเพื่อป้องกันการซึมผ่านของน้ำและฝุ่น ที่กำลังได้รับความนิยมในการใช้ซ่อมแซมจากช่าง ได้แก่ กาวยาแนว หรือ Sealant แต่กาวยาแนวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดนั้น แบ่งออกเป็นกาวซิลิโคน และกาวโพลียูรีเทน หรือกาวพียูโฟม แต่กาวยาแนวทั้ง 2 ชนิด มีคุณสมบัติและมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันไป วันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับการเลือกใช้งานระหว่างกาวพียูโฟมกับกาวซิลิโคน เพื่อการใช้งานให้ถูกประเภท ไปอ่านกันได้เลย
รู้จักกับคุณสมบัติของกาวพียูโฟมและกาวซิลิโคน
ทั้งกาวซิลิโคนและกาวพียูโฟมนั้น ทำหน้าที่อุด ยึด ติด ระหว่างรอยต่อของวัสดุ ซึ่งหลายๆ คนอาจจะรู้จักเป็นอย่างดีในชื่อ กาวยาแนว แต่กาวทั้ง 2 ชนิด มีคุณสมบัติต่างกันออกไป ดังนี้
กาวโพลียูรีเทน (Polyurethane Sealant) หรือกาวพียูโฟม เป็นสารซึ่งประกอบด้วยไนโตรเจน คาร์บอน และออกซิเจน เป็นสารประกอบหลัก มีคุณสมบัติโดดเด่นคือมีความเหนียว ความแข็ง ความหนาแน่น และมีความทนทานสูง ทนต่อแรงดันและแรงกดทับ ทนความร้อนได้สูงถึง 100 องศาเซลเซียส ทาสีทับได้ สามารถใช้ยึดติดกับวัสดุได้หลากหลายชนิด เช่น ไม้ โลหะคอนกรีต พลาสติก แก้วอะลูมิเนียม และกระเบื้อง นิยมใช้ทั้งในภาคครัวเรือน ภาคอุตสาหกรรม งานโครงสร้างทั้งภายนอกภายใน
กาวซิลิโคน (Silicone Sealant) เป็นสารซึ่งประกอบด้วยซิลิคอนคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน เป็นสารประกอบหลัก รวมไปถึงสารเคมีประเภทอื่นๆ มีความยืดหยุ่นสูง รองรับการยืดหดตัวได้มากถึง 25-50 เปอร์เซ็นต์ มีผิวมันวาว และมีความทนทานต่อทุกสภาพแวดล้อม เช่น รังสียูวีจากแสงอาทิตย์นิยมใช้กับการอุด ยึด หรือติด ระหว่างรอยต่อของวัสดุต่างๆ โดยเฉพาะวัสดุอะลูมิเนียมและกระจก กาวซิลิโคนนิยมใช้ในงานทั่วไป เช่น ใช้ในครัวเรือน และภาคงานอุตสาหกรรม
ความแตกต่างระหว่างกาวพียูโฟมกับกาวซิลิโคน
ลักษณะการใช้งานทั่วไป
หากเป็นการใช้งานทั่วๆ ไป กาวโพลียูรีเทน หรือกาวพียูโฟม จะมีความแข็งแรง เหนียว แน่น มากกว่ากาวซิลิโคน จะมีเหนียวคล้ายกับยาง ทำให้เกิดการฉีกขาดยากกว่ากาวซิลิโคน
กาวพียูโฟม เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น การติดกระจกรถยนต์ ติดตัวถังรถส่วนที่เป็นเหล็ก อุดรอยต่อระหว่างโครงสร้าง อุดรอยต่อกระเบื้องมุงหลังคา รอยรั่วตามแนวตะปูหลังคา อุดช่องว่างระหว่างกระเบื้อง
พื้นผิว
กาวซิลิโคนจะมีพื้นผิวที่มีความมัน เรียบลื่น มีส่วนผสมที่เป็นน้ำมัน ทำให้ไม่สามารถทาสีทับ และเกิดคราบรอยเปื้อนบนวัสดุได้ ซึ่งจะแตกต่างจากกาวโพลียูรีเทน หรือพียูโฟมที่มีพื้นผิวด้าน สามารถทาสีทับได้
อายุการใช้งานและความทนทาน
โดยโครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีของกาวยาแนวทั้ง 2 ชนิด มีความแตกต่างกัน ทำให้มีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันไปด้วย โดยหากใช้งานภายนอก หรือไม่มีการทาสีทับกาวโพลียูรีเทน หรือกาวพียูโฟม มีอายุใช้งานเฉลี่ยประมาณ 10 ปี แต่หากใช้งานภายในไม่ได้สัมผัสแสงแดดโดยตรง อายุการใช้งานก็จะมากขึ้น ส่วนกาวซิลิโคนจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่า โดยมีอายุการใช้งานประมาณ 20 ปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเกรด คุณภาพ หรือยี่ห้อของกาวซิลิโคนด้วย
ราคา
ทั้งกาวซิลิโคนและกาวพียูโฟม ถือเป็นกาวคุณภาพสูงที่มีอายุการใช้งานยาวนาน โดยกาวซิลิโคนที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ก็มีราคาที่สูงกว่ากาวพียูโฟมด้วยเช่นกัน
การเลือกยาแนวควรเลือกให้ตรงกับลักษณะการใช้งานมากที่สุด เพื่อช่วยให้งานยึดติดรอยต่อต่างๆ ออกมาสวยงาม คงทน และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกาวพียูโฟมคุณภาพดี ที่ผลิตจากสารโพลียูริเทนชนิดพิเศษทนต่อรังสียูวี ทาสีทับได้ ใช้งานง่าย และไม่มีคราบน้ำมัน อย่าง ทีโอเอ โพลียูริเทน ซีลแลนท์ ที่สามารถรับมือได้ทุกปัญหา ตอบโจทย์ทุกความต้องการ โดยสามารถเข้าไปดูข้อมูลดีๆ และมีประโยชน์ พร้อมเทคนิคการใช้งานแบบมืออาชีพได้ที่เว็บไซต์ TOA GROUP ที่นี่ได้รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ในการดูแลรักษาบ้าน เพื่อเป็นทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาและให้ประโยชน์ต่อคนที่รักบ้านมากที่สุด
