ข่าวข่าวอาชญากรรม

เผยสถิติ 2566 ไทยครอบครองอาวุธปืน 10.3 ล้านกระบอก สูงสุดในอาเซียน

ผลสำรวจสถิติล่าสุดประจำปี 2566 เผยพลเรือนคนไทยมีอาวุธปืนในครอบครอง มากถึง 10.3 ล้านกระบอก สูงเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน และอยู่ในอันดับที่ 20 ของโลก

รายงานข้อมูลสถิติจากเว็บไซต์ World population review ระบุข้อมูลที่น่าตกใจว่า พลเรือนคนไทยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง มากถึง 10.3 ล้านกระบอก คิดเป็นสัดส่วน 15.41% ของประชากรไทย 66,090,000 คน นอกจากนี้ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีการครอบครองปืนมากที่สุดในอาเซียน และอยู่ในอันดับที่ 20 ของโลก

Advertisements

ทั้งนี้ จากข้อมูลสถิติที่รวบรวมโดยเว็บไซต์ World Population Review ยังสอดคลองกับรายงานการครอบครองปืนในประเทศไทยจจากองค์กร Small Arms Survey ที่จัดทำข้อมูลการซื้อขายและความโปร่งใสในการครอบครองอาวุธปืนสำหรับพลเรือนที่ครอบครองได้เมื่อหลายปีที่ผ่านมา

ไทยครอบครองอาวุธปืน 2566
ภาพจาก : worldpopulationreview.com

จากข้อมูลในตารางสถิติ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ครอบครองปืนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน และครอบครองปืนอยู่ในอันดับที่ 20 ของโลก โดยมีการครอบครองปืนมากถึง 10.3 ล้านกระบอก เป็นอาวุธปืนที่บังคับใช้ทางกฎหมาย ประมาณ 230,000 กระบอก และอาวุธปืนประจำกองทัพทางทหาร 1,052,815 ล้านกระบอก คิดเป็นสัดส่วน 15.41 เปอร์เซนต์ อีกทั้งปืนที่พลเมืองไทยส่วนใหญ่ครอบครองคือปืนเถื่อนผิดกฎหมายอีกด้วย

ส่งผลให้เกิดการตั้งคำถามขึ้นในสังคมถึงมาตรการควบคุมการเข้าถึงอาวุธปืนว่ามีความเหมาะสมปลอดภัย หรือมีประสิทธิภาพมากแค่ไหนในการลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุหรือคดีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน

อย่างไรก็ตามการพกอาวุธปืนเป็นได้ทั้งอุปกรณ์ป้องกันตัวและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับคนรอบข้างได้หลายกรณี หากพบผู้ที่ใช้อาวุธปืนในทางที่ไม่เหมาะสมให้เร่งออกมาจากพื้นที่นั้นแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่โดยทันทีครับ.

อ้างอิง : 1 2

Advertisements

ไทยครอบครองปืน 2566 สถิติอันดับที่ 20

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button