ลูกสาวเจ้าของแมวเล่าทั้งน้ำตา ปมแจ้งจับพ่อแท้ๆ เหตุเอาแมวไปปล่อย จนถูกรถชนตาย ยันเอาผิดบิดาบังเกิดเกล้าถึงที่สุด แต่ข้อกฎหมาย คดีอุทลุม คดีที่แจ้งความเอาผิดบิดามารดาไม่ได้
จากกรณีที่ หญิงสาวรายหนึ่ง วัย 24 ปี เข้าขอความช่วยเหลือกับ เพจมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ ที่ต่อมาได้โพสต์เล่าเรื่องราวปม บิดาแอบขโมยแมวแล้วเอาไปปล่อยทิ้งจนถูกรถยนต์ชนตาย
โดยเด็กสาวขอให้ช่วยเหลือ เอาเรื่องดำเนินคดีกับพ่อของเธอที่มาขโมยแมวชื่อ ฮาชิ อายุ 7 เดือน ไปปล่อยทิ้ง กระทั่งตัวลูกสาว ตามหาจนพบศพแมวถูกรถชนตาย ต้องการให้พ่อได้รับโทษ เกรงว่าไปแจ้งความด้วยตนเอง แล้วตำรวจจะให้ไกล่เกลี่ย ซึ่งตนยอมรับไม่ได้กับการกระทำนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากเป็นข่าวดัง ล่าสุด ลูกสาวเจ้าของแมว เล่าทั้งน้ำตาว่า เบื้องต้นได้แจ้งความไว้ที่ สภ.บางละมุง ทางร้อยเวรบอกว่า เธอไม่สามารถแจ้งความเองได้ ต้องให้ทางมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ เป็นคนดำเนินการ โดยจากสาเหตุที่ไปแจ้งความก็เพราะอยากให้เขารู้ในสิทธิของคนอื่นบ้าง ไม่ใช่เป็นพ่อแล้วทำอะไรก็ได้
ทั้งนี้ เด็กผู้หญิงเจ้าของแมวฮาชิ ยังเล่าวันที่แมวเจ้าฮาชิหายไปว่า ก่อนเกิดเหตุได้ฝากแมวไว้กับแม่เพราะต้องมาทำธุระที่กรุงเพทฯ ตอนแมวหายไปจากบ้าน คนเห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่ามีคนขับรถพ่วงข้างบอกว่าเป็นแมวของเขา ก่อนที่แมวจะกระโดดออกจากรถพ่วงข้างแล้วถูกรถชน
เจ้าของแมวบอกอีกว่า ตอนแรกก็ไม่ทราบว่ารถพ่วงข้างเป็นของใคร แต่แม่โทรมาบอกว่า พ่อรับสารภาพว่าเป็นคนเอาแมวไปปล่อยวัด มันเลยโดนรถชนตาย และเอาแอร์แท็กไปทิ้งน้ำ เพื่อทำลายหลักฐาน
ทั้งนี้หลังกาสลยเป็นข่าว หลายคนมห้้ความสนใจยิ่งเมื่อทราบว่า ฝ่ายเด็กผู้หญิงไม่สามารถแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดบิดาแท้ๆ ได้เนื่องจากมีข้อกฎหมายบางมาตรา ระบุ ไว้ชัดเจนว่า ไม่สามารถทำได้ ซึ่งวันนี้ The Thaiger จะพาไปดูข้อกฎหมายดังกล่าว พร้อมกับอธิบายาา่สเหตุและที่มานี้อย่างละเอียด
รู้จักคดีอุทลุม คดีที่ลูกฟ้องพ่อแม่ของตัวเองไม่ได้
เฟซบุ๊กแฟนเพจ law inspiration ได้เคยโพสต์ให้ข้อมูลคดีที่บุตรจะไม่สามารถแจ้งความดำเนินรคดีกับ พ่อแม่ตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งหรืออาญา โดยเรียกคดีแบบนี้ว่า คดีอุทลุม (อ่านว่า อุด-ทะ-ลุม)
หมายถึง คดีที่ลูกฟ้องพ่อแม่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญาก็ตาม แต่ศาลจะไม่สามารถรับฟ้องคดีดังกล่าวได้ เนื่องจากต้องห้ามด้วยกฎหมาย
ข้อห้ามนี้อยู่ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) มาตรา 1562 ที่บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดจะฟ้องบุพการีของตนเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญามิได้ แต่เมื่อผู้นั้นหรือญาติสนิทของผู้นั้นร้องขอ อัยการจะยกคดีขึ้นว่ากล่าวก็ได้”
กฎหมายอธิบาย คดีอุทลุมไว้สอดคล้องกับที่บอกไปข้างต้น โดยอธิบายเพิ่มเติมว่า ถ้าเกิดเหตุแบบที่สมมุติในตอนแรก เช่น พ่อข่มขืนลูกของตัวเอง หรือ แม่ใจร้ายตีลูกจนเขียวช้ำไปทั้งตัว แบบนี้ลูกจะต้องทำอย่างไร? หรือลูกจะต้องทำใจ เพราะฟ้องคดีไม่ได้ อันนี้ก็มีทางแก้ระบุไว้ชัดเจนใน ป.พ.พ. มาตรา 1562
หากเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น ลูก หรือญาติสนิท ก็สามารถร้องขอต่ออัยการให้เป็นผู้ฟ้องแทนได้ เช่น กรณีพ่อข่มขืนลูก แบบนี้ลูกจะฟ้องพ่อเป็นคดีอาญาเองไม่ได้ แต่ลูกหรือแม่ก็สามารถร้องขอต่ออัยการให้เป็นผู้ฟ้องคดีแทนได้ หรือ กรณีแม่ตีลูก แบบนี้ลูกหรือพ่อก็สามารถร้องขอต่ออัยการให้เป็นผู้ฟ้องคดีแทนได้เช่นกัน
แต่บางกรณี ที่ผู้สืบสันดานสามารถฟ้องบุพากรีได้โดยตรงต่อศาล โดยที่ไม่ถือว่าเป็นคดีอุทลุมด้วย เช่น ลูกในฐานะผู้ถือหุ้นฟ้องพ่อแม่ในฐานะกรรมการของบริษัทที่ยักยอกเงินของบริษัทไป แบบนี้ไม่ถือว่าเป็นคดีอุทลุม เพราะไม่ถือว่าเป็นการฟ้องในนามส่วนตัว แต่เป็นการฟ้องในนามผู้ถือหุ้นต่อกรรมการ
ทั้งนี้ พ.ต.อ. นาวิน สินธุรัตน์ ผกก.สภ.บางละมุง และ พ.ต.ท. ประสิทธิ์ มั่นศรี รอง ผกก.(สอบสวน) กำชับสั่งการร้อยเวรให้รับคดีแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ข้อหาลักทรัพย์และทารุณกรรมสัตว์ พร้อมลงพื้นที่เรียกตัวผู้กระทำผิดไปรับทราบข้อกล่าวหาและดำเนินคดีอาญาจนถึงที่สุดแล้ว
