‘วิษณุ’ ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา 26 ส.ค. ร่วมพิธีบรรจุอัฐิ ‘เปรม’ แทนที่ ‘ประยุทธ์’
โฆษกนายก เผย วิษณุ ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา 26 ส.ค. เพื่อร่วมพิธีบรรจุอัฐิ เปรม ท่ามกลางการจับตาว่า ประยุทธ์ หรือ ประวิตร จะเป็นคนลงพื้นที่
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงข้อชัดเจนถึงกำหนดการลงพื้นที่จังหวัดสงขลา ในพิธีบรรจุอัฐิ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ 26 ส.ค. ที่หลายฝ่ายจับตามองว่า ใครจะเป็นคนลงพื้นที่ ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
นายอนุชา บูรพชัยศรี เผยว่าผู้ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา 26 ส.ค. นี้ จะเป็น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการลงพื้นที่จังหวัดสงขลาเพื่อปฏิบัติภารกิจในวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 โดยในช่วงเช้า เวลาประมาณ 09.30 น. รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีบรรจุอัฐิ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ณ สวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานมูลนิธิสวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จะได้กล่าวคำสดุดี และทำพิธีบำเพ็ญกุศลอัฐิ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ก่อนเชิญอัฐิบรรจุใต้ฐานอนุสาวรีย์ฯ และจะเยี่ยมชมหอประวัติ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
จากนั้นในช่วงบ่าย รองนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในพิธีบวงสรวงวางศิลาฤกษ์อาคาร “เกิดมาต้องตอบแทน บุญคุณแผ่นดิน” และพิธีเปิด “ศูนย์ผ่าตัดหัวใจ 99 ปี รัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์” ณ อาคารศรีเวชวัฒน์ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นศูนย์ฯ เพื่อการพัฒนาศักยภาพพร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาพยาบาล และการผ่าตัดผู้ป่วยโรคหัวใจแบบครบวงจร อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมความศรัทธาในคุณงามความดี ของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
ต่อจากนั้น รองนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการอาคารผู้ป่วยชั่วคราว พร้อมมอบอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภคสำหรับผู้ป่วยและญาติ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอาคารเย็นศิระ ที่อาคารเย็นศิระ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภายในวัดโคกนาว อรรถกระวีสุนทร ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
อาคารแห่งนี้จัดสร้างขึ้นตามแนวพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อเป็นที่พักของผู้ป่วยและญาติที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และมารับการรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ช่วยอำนวยความสะดวกและประหยัดค่าเดินทาง พร้อมบริการประชาชนให้สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีได้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ป่วยและญาติทำให้มีกำลังใจในการรักษาด้วย