ข่าวข่าวต่างประเทศ

สาวไต้หวัน กินยาหลับลึก หลังเป็น ‘ประจำเดือน’ ตื่นมาตกใจ โดนฝูง ‘มด’ บุก

ถือว่าเป็นอะไรที่น่ากลัวไม่ใช่น้อยกับการที่ หญิงสาวไต้หวันรายหนึ่ง ได้ตื่นขึ้นมาหลังจากที่กินยาแก้ปวด เพื่อรับมือ ประจำเดือน แล้วนั้น โดยตื่นมาพบว่ามีฝูง มด มารุมอยู่บริเวณช่วงล่างของเธอ

(9 ส.ค. 2565) เป็นเรื่องน่ากลัว และไม่คาดคิดก็ว่าได้กับการที่ตื่นขึ้นมาหลังจากที่ต้องเผชิญกับอาการปวดจาก ประจำเดือน แล้วพบว่ามีมีฝูง มด มารุมอยู่บริเวณช่วงล่างของร่างกาย โดยเรื่องราวดังกล่าวนั้น เป็นประสบการณ์ที่น่ากลัวของหญิงสาวรายหนึ่งจากไต้หวัน

ตามการรายงานของ ET Today แล้วนั้น เรื่องราวที่ว่าเป็นประสบการณ์ของหญิงรายหนึ่งที่เปิดเผยบน ชุมชนออนไลน์ Dcard โดยมีเนื้อความว่า วันหนึ่งในขณะที่เธอประสบกับภาวะประจำเดือนนั้น เธอก็ได้กินยาแก้ปวด พร้อมกับหลับพักตรงโซฟาไป ซึ่งเมื่อตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำนั้น ก็พบว่าส่วนล่างของเธอได้มีฝูงมดมารุมอยู่เป็นจำนวนมาก

โดยเธอได้ตกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเธอได้ทำความสะอาดที่พักของเธอเป็นประจำ และมักจะไม่ค่อยพบเจอฝูงมดจำนวนเท่านี้ “ตอนแรก ฉันยังคงมึนงงอยู่ หลังจากที่พบเจอมดตรงที่นั่งของชักโครก ก่อนที่จะรู้ตัวว่ามีมดอยู่บริเวณช่วงล่างของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นที่โคนต้นขา และที่ผ้าอนามัย ซึ่งฉันนั้นก็ได้ไปทำความสะอาดโดยไว”

หญิงสาวคนดังกล่าวได้เชื่อว่า การที่เธอหลับลึกนั้นอาจจะมาจากยาแก้ปวด และเธอไม่คาดคิดว่ามดจะกินประจำเดือนได้จริง จึงได้มีความกังวลเป็นอย่างยิ่งว่าร่างกายของเธอจะผิดปกติหรือไม่

หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวได้เผยแพร่ออกมาแล้วนั้น ก็ได้มีการแสดงความเห็น และการแพร่กระจายกันเป็นอย่างมาก โดยได้มีการแสดงความเห็นต่าง ๆ มากมาย เช่น “มันน่ากลัวมาก และฉันรู้สึกขนลุกจริง ๆ”, “จู่ ๆ ก็รู้สึกคันช่วงล่างเหมือนกัน”, “น่าจะต้องไปหาหมอแล้วหล่ะ สุขภาพสำคัญที่สุด และอย่างน้อยจะได้อุ่นใจ”

กรณีดังกล่าวนั้น ก็ได้สอดคล้องกับข้อมูลบนเว็บไซต์งกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการสถาบันไต้หวันอี ที่ซึ่ง เสี่ยว ย่งซุน แพทย์จากโรงพยาบาลเมืองจีหลง ได้เคยเข้าไปตอบกระทู้คำถามที่อยู่ในกรณีคล้ายคลึงกันว่า “ผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว จะมีเลือดประจำเดือน, สารคัดหลั่ง และเมแทบอไลต์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเป็นแหล่งสารอาหารสำหรับมดได้ จึงถือเป็นเรื่องปกติที่มดจะรุมเข้าหา แต่ทั้งนี้แล้วนั้น หากต้องการตรวจสอบเพิ่มเติม หรือมีความกังวลว่าจะมีปัญหาอื่น ๆ ก็สามารถจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้”

 

แหล่งที่มาของข่าว : ET Today

สามารถติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าวต่างประเทศ

 

 

N. Siripariyasak

นักเขียนคอนเทนต์ จับประเด็นด้านเศรษฐกิจ-การเงิน, เทคโนโลยี, ไอที และเกมส์ อัปเดตข่าวทั้งจากในประเทศไทย และต่างประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button