ข่าวข่าวต่างประเทศ

ยิ่งกว่านิยาย กับ การตรวจ DNA ลูก แต่พบว่าไม่ใช่ลูกแท้ของทั้งพ่อ และแม่

ถือว่าเป็นเรื่องที่กลับตาลปัตรไปมาก็ว่าได้ กับเรื่องราวของ การตรวจ DNA ลูก แต่มารับรู้ความจริงว่าลูกนั้นไม่ใช่ของพ่อ แต่ก็ไม่ใช่ของแม่ด้วยเช่นกัน

(18 ก.ค. 2565) ในบางครั้งเรื่องราวความเป็นจริงถือว่าพิศดารมากกว่านิยายก็ได้ โดยเป็นเรื่องราวครั้งนี้เป็นเหตุการณ์จาก การตรวจ DNA ลูก ของครอบครัวที่ตอนแรกจากแค่เพื่อตรวจว่าภริยามีชู้หรือไม่ มาเป็นความจริงที่ว่าลูกที่เลี้ยงดูมานั้น ไม่ใช่ทั้งของพ่อ และของแม่

Advertisements

โดยเรื่องราวนั้นเป็นการบอกเล่าจากเว็บบอร์ด Reddit และถูกเผยแพร่ต่อผ่านทาง TikTok และ YouTube จนสำนักข่าว The Mirror ได้หยิบเรื่องราวนี้ต่อมา ในส่วนของรายละเอียดนั้น ก็มีด้วยกันดังนี้

หญิงสาวรายหนึ่งได้แต่งงานมีสามี และสร้างครอบครัวจนมีลูกสาวอายุ 5 ขวบ จนมาวันหนึ่งที่สามีของเธอได้ทำการตรวจสอบ DNA ของลูกสาวเพื่อพิสูจน์ความเป็นพ่อ โดยผลออกมาว่าเขาไม่ใช่พ่อของเด็กคนดังกล่าว จึงได้กล่าวหาว่าฝ่ายหญิงแอบไปมีชู้ และเรียกร้องให้ดำเนินการหย่า ในขณะที่ฝ่ายหญิงมั่นใจว่าตนเองไม่เคยนอกใจแต่อย่างใด

“ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และฉันก็ร้องไห้ตลอดทั้งวัน ฉันไม่เคยนอกใจเขา ฉันรักสามีของฉัน เราคบหากันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย และเขาคือความรักในชีวิตของฉัน รวมถึงเขาทั้งหล่อ และใจดีอีกด้วย”

เธอได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เธอเคยมีเพศสัมพันธ์กับชายอื่น 2 คน แต่นั้นเป็นก่อนที่จะคบหากับสามีคนปัจจุบัน และก็ไม่เคยได้มีสัมพันธ์ทางเพศกับชายไหนเลยหลังจากที่คบหากัน โดยภายหลังจากที่แต่งงานกันนั้น ทั้งตู่ก็ได้มีความพยายามจะมีลูกมาโดยตลอด ทำให้มั่นใจได้ว่าสามีคือพ่อขอลูกแน่นอน

Advertisements

ก่อนหน้าการเปิดเผยของสามีนั้น ภริยาก็ได้สังเกตถึงความแปลกประหลาดของเขาเป็นเวลา 2-3 เดือน ซึ่งหลังจากที่เขาได้กล่าวหา และเปิดเผยผลตรวจที่ได้ดำเนินการไปนั้น เธอก็ได้ตัดสินทำการตรวจสอบในฝั่งของตัวเองบ้าง

ผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็ถือว่าเป็นที่ตกตะลึงสำหรับทั้งคู่ โดยออกมาว่า ทั้งคู่ไม่ใช่พ่อแม่ตามพันธุกรรมของเด็กสาวที่เลี้ยงมาเป็นระยะเวลา 5 ปี ทำให้ได้มีการแจ้งความไปยังตำรวจ และยื่นฟ้องไปยังโรงพยาบาลที่ดำเนินการคลอดลูก

“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับลูกของฉัน ฉันได้สามีกลับมาแล้ว แต่มันก็น่ากลัวเป็นอย่างมาก ทุกอย่างในโลกของฉันได้พลิกผันกลับตาลปัตรไปหมด” “ฉันนอนอยู่ในห้องลูกสาวของฉัน และกลัวว่าเธอจะถูกพรากจากฉันไป ในขณะเดียวกันนั้น ฉันก็อยากรู้ว่าลูกแท้จริงของฉันอยู่ที่ไหน และสบายดีหรือไม่ ซึ่งก็ได้แต่ภาวนาต่อพระเจ้าให้เธอสบายดี”

เรื่องราวดังกล่าวนั้น ก็ได้ความสนใจเป็นอย่างมากในหลายช่องทาง ความเห็นโดยรวมนั้นก็เป็นในแนวทางที่ตะลึงกับเรื่องราวที่ดูพลิกผันไปมาราว หรือยิ่งกว่านิยายเสียอีก

 

แหล่งที่มาของข่าว : The Mirror

สามารถติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าวต่างประเทศ

 

 

N. Siripariyasak

นักเขียนคอนเทนต์ จับประเด็นด้านเศรษฐกิจ-การเงิน, เทคโนโลยี, ไอที และเกมส์ อัปเดตข่าวทั้งจากในประเทศไทย และต่างประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button