ข่าวข่าวภูมิภาค

หลวงพ่อใช้ปากการเคมีเจิมรถ ทำเอาสาวโอด ชาวเน็ตถามกลับทำไมไม่บอกท่าน?

หลวงพ่อใช้ปากกาเคมีเจิมรถ ทำเอาสาวถึงกับโอดครวญจบกันความเป็นรถมินิมอล วอนชาวเน็ตช่วยหาวิธีแก้ แต่กลับโดนถามกลับทำไมไม่บอกท่านแต่แรก?

กลายเป็นคลิปไวรัลใน TikTok ที่มีคนดูมากกว่า 6.3 ล้านวิว และมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากกว่า 8 พันคอมเมนต์ เมื่อผู้ใช้ TikTok นามว่า @la.petite.kiiez โพสต์คลิปวิดีโอพร้อมแคปชั่น “ว่าด้วยเรื่องเจิมรถ #เจิมรถ #หลวงพ่อ

Advertisements

โดยในคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นภาพการเจิมรถของหลวงพ่อวัดหนึ่งด้วยการใช้ “ปากกาเคมี” เขียนยันต์ลงบนหลังคารถ ซึ่งในภาพของคลิปวิดีโอก็ได้ระบุข้อความไว้ว่า “ม๊ายยยยยยยน๊าาาา หมดกันความเป็นรถมินิมอล แก้ยังไง ใครมีวิธี” ปกติแล้วหลวงพ่อแต่ละวัดมักจะเจิมรถกันด้วยดินสอพองเป็นส่วนใหญ่ ทำให้แป้งดินสอพองนั้นหลุดหายไปตามกาลเวลา แต่หลวงพ่อท่านนี้ใช้ปากกาเคมีบรรจงเขียนยันต์ น่าจะติดทนถาวรแน่นอน

ล่าสุดหลังจากที่เจ้าของรถได้โพสต์คลิปนี้ลงใน TikTok ก็มีชาวเน็ตมาร่วมแสดงความคิดเห็นมากมาย บ้างก็เห็นใจเจ้าของรถที่มีรอยปากกาเคมีติดอยู่บนหลังคา บ้างก็ช่วยหาวิธีลบรอยปากกาเคมี แต่ชาวเน็ตบางส่วนก็มีความคิดเห็นว่า ถ้าเห็นว่าหลวงพ่อจะใช้ปากกาเคมีเจิมรถก็น่าจะห้ามหลวงพ่อตั้งแต่แรก

ด้านเจ้าของรถก็ตอบกลับคอมเมนต์ว่า คิดไม่ถึงว่าหลวงพ่อจะใช้ปากกาเคมี จึงปล่อยเลยตามเลย แต่ทางด้านชาวเน็ตก็ยังเข้ามาแย้ง โดยอ้างคลิปก่อนหน้าว่าหลวงพ่อก็ใช้ปากกาเคมีเจิมพวงมาลัยรถไปแล้วทำไมไม่บอกท่านก่อน

เรียกได้ว่าเป็นคลิปที่มีคนเข้ามาถกเถียงกันหลากหลายประเด็นมาก ซึ่งการเจิมรถนั้นก็เป็นความเชื่อที่อยู่กับสังคมไทยมานาน หากใครเชื่อว่าเป็นสิริมงคลก็สามารถทำได้ แต่หากใครไม่เชื่อก็ไม่ต้องทำ เพียงแค่อย่าดูถูกความเชื่อของอีกฝ่ายและขับรถอย่างเคารพกฎจราจรก็เพียงพอแล้วนะ

https://www.tiktok.com/@la.petite.kiiez/video/7094234638545145115?is_copy_url=1&is_from_webapp=v1

Advertisements

Mothana

นักเขียนข่าวที่ Thaiger การศึกษาทางด้านภาษา จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเชี่ยวชาญด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จึงรับหน้าที่เขียนบทความไลฟ์สไตล์บันเทิง เศรษฐกิจ อยากเป็นสื่อกลางคอยขุดคุ้ยประเด็นตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงใหญ่โตมาเขียนให้ทุกคนได้อ่าน เพราะมีความเชื่อว่าสื่อที่ดีย่อมเป็นหนทางนำผู้อ่านไปสู่งานเขียนที่ดีได้ ติดต่อได้ทาง tangmo@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button