ข่าวข่าวการเมือง

‘จอนนี่ แอนโฟเน่’ ขอโทษเคยร่วมชุมนุม กปปส. รับไม่เคยรู้ว่าจะมีรัฐประหาร

จอนนี่ แอนโฟเน่ สมาชิกป้ายแดงจากพรรคไทยสร้างไทย ออกรองขอโทษหลังเคยร่วมชุมนุมชัตดาวน์กรุงเทพกับ กปปส. ย้ำไม่เห็นด้วยรัฐประหาร

จอนนี่ แอนโฟเน่ นักแสดงและสมาชิกป้ายแดงจากพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งมี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นประธานพรรค ได้ออกมาขอโทษ หลังจากที่ตนถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่เคยออกมาร่วมชุมกับกลุ่ม กปปส. ชัตดาวน์กรุงเทพ ในปี 2557

Advertisements

โดย จอนนี่ ระบุว่า “จอนนี่กลับใจ ใช่ครับ “ผมขอโทษ

ผมร่วมชุมนุมใน ปี 2556 ถึงปี 2557 ผมเป็นหนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมจริง เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถบิดเบือนได้
และผมขอน้อมรับทุกความคิดเห็นจากทุกท่าน

การชุมนุมในครั้งนั้น ผมก้าวขาออกจากบ้านเอง ไม่มีใครบังคับ ก้าวขาออกไปด้วยความที่คิดของผมเอง
ด้วยการเสพสื่อSocial ว่า….

พรบ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง จะเป็นการล้างบางคนผิดทุกกรณีซึ่งรวมไปถึงการทุจริต งบประมาณแผ่นดิน

Advertisements

วันนั้นผมไม่เคยรู้เลยว่าจะมีการรัฐประหาร ไม่เคยมีสัญญาณใดๆเกิดขึ้น เราเพียงออกไปเพื่อจะคัดค้าน พรบ.ดังกล่าว แล้วคิดแค่ว่าจะจบแค่นี้… แต่การชุมนุมไม่จบเพียงเท่านั้นจนในที่สุด “ลุงมาทำรัฐประหาร”
และได้ลากจูงประเทศมาสู่จุดวิกฤตขนาดนี้ สร้างหนี้สินให้กับลูกหลานมากมายขนาดนี้

“ใช่ครับ การถูกเกลียด ถูกด่า ถูกขุดคุ้ย หรือไม่ถูกให้อภัย เป็นราคาที่ผมต้องจ่ายโดยที่ผมไม่สามารถปฏิเสธได้” สิ่งแรกที่ผมทำได้ คือการ “ขอโทษ” เพื่อลดความผิดพลาดของผมในอดีต แทนการเรียกร้องให้ทุกคนอภัย ผมขอโทษ ผมขอยอมรับความผิดพลาดที่เคยเป็นส่วนหนึ่ง ในการร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง จนเป็นนำมาสู่ การยึดอำนาจรัฐประหาร ซึ่งผมก็มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารมาโดยตลอด

การออกมาในวันนี้ของผมก็เพื่อ “ปัจจุบัน” และ “อนาคต” ผมเองไม่สามารถลบอดีตได้ สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่กลับไปทำความเข้าใจอดีตและความผิดพลาดของตัวเอง เพื่อเป็นพลังในการเรียกร้องความยุติธรรม เป็นแรงให้กับผมในการกลับมาชดใช้สิ่งที่เคยทำไว้กับ ประเทศที่ผมรัก

วันนี้ที่ผมออกมาพูดไม่ใช่เพราะว่าถูก ทัวร์ลง ผมร่วมงานกับพรรคไทยสร้างไทยมากกว่า 1 ปีแล้วครับ ตั้งแต่ช่วงที่มีการระบาดของโควิดก็ได้ลงพื้นที่ส่งผู้ป่วย แจกของช่วยเหลือ ประสานเตียงผู้ป่วย

แต่ที่ผมต้องออกมาพูดวันนี้ ก็เพราะสิ่งที่ผมทำในอดีต กลายเป็นทำให้ผมต้องถูกผลักไปอยู่อีกข้างโด ปริยาย ผมเป็นคนที่ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอา ระบอบลุง ไม่เอา นิรโทษกรรม “ผมก็ไม่รู้ว่าคนแบบผมจะถูกจัดไปอยู่ในพวกไหน”

แต่วันนี้ครับผมได้มีโอกาสพูด ผมก็อยากจะฝากไปถึงใครก็ตามที่วันนี้ เค้าได้เห็นความเลวร้ายของผลพวงจากการรัฐประหาร เค้าได้เห็นว่าลุงกู้เงินจนเราต้องชดใช้กันชั่วลูกชั่วหลาน เค้าได้เห็นว่าการรัฐประหารไม่ได้นำมาซึ่งความสุขสงบ เหมือนที่ลุงเอาไปเป็นข้ออ้าง

เค้าได้เห็นว่าวันนี้ยังไม่มี รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนแต่เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่พิลึกกึกกือที่สุด เค้าได้เห็นเหมือนกันกับผมที่การบริหารจัดการโควิดผิดพลาดล้มเหลวจนทำให้ประชาชนต้องถึงแก่ชีวิต เค้าได้เห็นเหมือนกันกับผม ที่เศรษฐกิจแย่ จนคนตัวเล็กตัวน้อยต้องกู้หนี้ยืมสินต้องยอมจ่ายดอกเบี้ยมหาโหด ฯ

ออกมาจากซอกหลืบเถอะครับ! ออกมาจากข้างหลังตู้เย็นเถอะครับ! ไม่ต้องลบโปรไฟล์ ไม่ต้องไล่ลบรูปอีกแล้วครับ!

เราแก้ไขอดีตไม่ได้แต่เราสามารถนำข้อผิดพลาดในอดีตมาเรียนรู้ได้ เราแก้ไขอดีตไม่ได้แต่เราสามารถทำให้ประเทศมันดีได้ เพราะเรายังคงรักประเทศนี้เหมือนกัน ออกมาช่วยกันทำให้ประเทศมันดี มาช่วยกันผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเพื่อวางฐานรากของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข สร้างประเทศที่ดีที่สุดเพื่อส่งมอบอนาคตประเทศให้กับลูกหลานของเราเถอะครับ

อย่ากลัวที่จะออกมาเผชิญหน้ากับความจริงครับ เพราะวันนึงเราอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับไปแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีต การเห็นต่างทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่การขัดแย้งกันอย่างรุนแรง แบ่งฝักแบ่งฝ่ายได้พิสูจน์แล้วว่าทำให้บ้านเมืองมีปัญหา เป็นผลให้สภาพเศรษฐกิจของประเทศเกิดวิกฤติ กระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ผมเห็นว่าความขัดแย้งของคนในชาติควรยุติลง เพื่อมาร่วมกันแก้ปัญหาวิกฤติของชาติ จึงเข้าร่วมกับพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งมีนโยบายชัดเจนในเรื่องการยุติความขัดแย้ง รับฟังความเห็นต่าง และหันมาช่วยกันสร้างเศรษฐกิจไทย

ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เข้าใจผมและส่งความห่วงใยมาทุกช่องทาง ผมขอขอบคุณพี่น้อง พรรคไทยสร้างไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ได้ให้โอกาสผมได้เข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน เพื่อแก้ไขเรื่องผิดพลาดในอดีตของผม ซึ่งการกระทำในอดีตไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคไทยสร้างไทยเลย

ผมขอให้เวลาและการทำงานเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ความตั้งใจและอุดมการณ์ครั้งใหม่ของผม ผมขอยืนยันว่า การพิสูจน์ตัวตน บนเส้นทางประชาธิปไตย เป็นเรื่องยากที่จะได้รับความเชื่อมั่น “ความเชื่อใจ” ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ที่ชัดเจนที่สุด และเป็นก้าวแรกที่จะเดินบนสนามประชาธิปไตยได้อย่างสง่างาม คือการพิสูจน์ตัวเองผ่าน การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินครับ และผมตั้งใจแก้ไขในสิ่งที่เคยผิดพลาดให้ดีที่สุดครับ”

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button